Godzilla x Kong: The New Empire จัดเป็นหนังลำดับที่ 5 ของ MonsterVerse นับตั้งแต่เรื่องแรก Godzilla (2014) ที่พอดูได้ จากนั้นจักรวาลนี้ก็เปิดตัวพี่คองใน Kong: Skull Island (2017) แล้วก็กลับมาเรื่องราวของพี่ก๊อดอีกครั้งใน Godzilla: King of the Monsters (2019) ที่พี่ก๊อดต้องต่อสู้ชิงบัลลังก์กับมอนสเตอร์โบราณต่าง ๆ เช่น Mothra, Ghidorah ฯลฯ ที่จำศีลอยู่ตามที่เร้นลับต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก ก่อนที่พี่ก๊อดจะไปปะทะกับพี่คองใน Godzilla vs. Kong (2021) ซึ่งเป็นไฟต์ใหญ่ชนใหญ่ที่หลายคนรอชมและหลายคนก็คาดหวังว่านี่คงจะเป็นจุดสิ้นสุดทัวร์นาเมนต์จักรวาลนี้เสียที แต่สุดท้ายมันก็เกิด Godzilla x Kong: The New Empire (2024) ขึ้น ซึ่งตามชื่อไตเติ้ลก็คือ เราจะได้เห็นพี่ก๊อดกับพี่คองร่วมมือกัน (x กัน) ในภาคนี้
ถึงกระนั้น ไม่ว่าจะ Godzilla vs. Kong ในภาคนั้น หรือ Godzilla x Kong ในภาคนี้ มันก็ยังดูเป็นหนังของพี่คอง ชนิดแทบจะไม่มีความบาลานซ์ให้พี่ก๊อดเลย โดยพี่คองกับน้อง Jia (Kaylee Hottle) จะเป็นตัวแทนของคนเหงา คนโดดเดี่ยว ที่รู้สึกแตกต่าง แปลกแยก หรือรู้สึกยังไม่เจอที่ที่เป็นของเขา แต่ถึงกระนั้น บทหนังก็ develop ส่วนนี้เพียงผิวเผินและเบาบาง โดยรวม สำหรับเรา ซึ่งชอบ Kong: Skull Island ระดับหนึ่ง เราขอจัด Godzilla vs. Kong ให้อยู่ในหมวดหนังบล็อกบัสเตอร์ที่ไม่สนุก
พาร์ทมนุษย์เป็นพาร์ทที่อ่อนที่สุดมาแต่ไหนแต่ไร ภาคที่แล้วมีตัวละครมนุษย์เยอะแยะเกินจำเป็น ภาคนี้ตัดดาราตัวท็อป ๆ และตัวแพง ๆ ลง เช่น Millie Bobby Brown เหลือแต่ฝั่งมนุษย์ทีมคอง ได้แก่ Dr. Ilene Andrews (Rebecca Hall จาก The Prestige) และลูกเลี้ยงของเธอ Jia ซึ่งเป็นชนเผ่าอีวี่คนสุดท้าย สมทบกับ Bernie Hayes (Brian Tyree Henry จาก Eternals) นักจัดพอดแคสต์ตัวโจ๊กจากภาคที่แล้ว และเพิ่มสัตวแพทย์หนุ่ม Trapper (Dan Stevens จาก Beauty and the Beast) เข้ามา แต่ถึงกระนั้นบทของพวกเขาก็ยังขาด ๆ เกิน ๆ ผิดที่ผิดทางอยู่ดี ตัวละครมนุษย์ตอนนี้เหมือนมีอยู่เพียงเพื่ออธิบายเรื่องราวหรือเล่าสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นภาษาคนให้คนดูเข้าใจง่าย ๆ ซื่อ ๆ ตามประสาหนังตลาด เหมือนที่น้อง Jia ต้องมีอยู่เพื่อเป็นล่ามระหว่างมนุษย์กับมอนสเตอร์ในหนัง
Godzilla x Kong มันเป็นหนังที่ไม่เหมาะกับคนคิดเยอะอย่างเรา บทมันไม่มีอะไรเลย เหมือนมาเน้นพึ่งเทคนิคหรือซีจี ซึ่งก็ไม่ได้ดีมากอะไร ยิ่งเราได้ดูเรื่องนี้ในโรง IMAX ต่อจาก Dune Part 2 มันก็ยิ่งมีข้อเปรียบเทียบที่เห็นชัดเจน ขนาด Dune Part 2 เป็น 2D และเรื่องนี้เป็น 3D เรายังรู้สึกว่า Godzilla x Kong แทบไม่น่าตื่นตาตื่นใจเลย ทั้งภาพทั้งเสียง
นอกจากนี้หนังอาจไม่เหมาะกับนักวิทย์ที่มิอาจทนไหวกับความขัดแย้งต่อหลักฟิสิกส์ จนถึงกลุ่มนักโบราณคดี นักประวัติศาสตร์ นักมนุษยวิทยา สถาปนิก บริษัทประกัน ฯลฯ บางคนที่อาจทนไม่ไหวกับพี่ก๊อดไปนอนขดในโคลอสเซียม หรือเดินไปเดินมาทำลายตึกรามบ้านช่อง สิ่งปลูกสร้าง สถาปัตยกรรม หรือสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ทั่วโลก แต่กลุ่มคนที่นอนยิ้มชัวร์ ๆ ในเรื่องนี้ ก็คงจะเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง
ก่อนที่คนจะหาว่าเรามาเพื่อด่าหนังอย่างเดียว เราขอบอกก่อนว่า หนังก็มีสารเล็ก ๆ ส่วนน้อย ๆ ที่เราชอบอยู่ ตั้งแต่ภาคก่อน ๆ เราจับต้องได้ถึงเมสเซจเรื่อง ใครควรเป็นเจ้าแห่งโลก? หรือโลกนี้ ไม่ควรมีราชา? คิงยังจำเป็นอยู่มั้ย? ซึ่งในภาค Godzilla vs. Kong เราก็ได้เห็นว่าทั้งพี่ก๊อดและพี่คองต่างก็มีชีวิตประจำวันของตัวเอง จะมาแย่งกันเป็นคิงเพื่ออะไร มีคิงไปทำไม เราแค่เคารพ ไม่รุกล้ำหรือเบียดเบียนกัน หรืออยู่ร่วมกันในฐานะเพื่อนร่วมโลกเฉย ๆ ก็ได้ แล้วในภาค Godzilla x Kong นี้ ถึงแม้ทั้งสองจะต่างคนต่างอยู่แล้ว แต่ในเบื้องใต้ของ Hollow Earth ที่ยังไม่ถูกค้นพบ มันยังมี Skar King ซึ่งเป็นพญาลิงยักษ์ที่สถาปนาตนเป็นคิงว่าสูงส่งกว่าผู้อื่น ใช้กำลังกดขี่ให้ลิงตัวอื่นเป็นทาสแบกหามสร้างพีระมิด และยังพยายามคอนโทรลสัตว์สปีชีส์อื่นให้อยู่ภายใต้ตัวเองด้วยอีก พี่คองของเราจึงต้องมาช่วยปลดแอกและล้มเจ้ากันนี่แหละ
แต่ไม่ว่าจะยังไง ทัวร์นาเมนต์ของ MonsterVerse ก็ยังคงไม่จบที่เรื่องนี้ ผู้รับเหมาก่อสร้างก็ยังคงยิ้มแป้น รับทรัพย์ หน้าบานได้ต่อไปอีกหลายปี (แต่หวังว่าจะจบที่รุ่นเรา บ้านเมืองพังชิบหายไปหมดแล้ว!)