หลังจากที่ GTH วงแตกไปเมื่อปลายปี 2558 ก็ได้มีการรวมหุ้นกันใหม่ในนาม จีดีเอช ห้าห้าเก้า (Gross Domestic Happiness หรือ gdh) และหนังเรื่องแรกของ gdh คือ แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว กำกับโดย โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล (ผู้กำกับพันล้านจากพี่มากพระโขนง, กวน มึน โฮ, ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ฯลฯ)
เรื่องย่อ แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว
เด่นชัย (เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) พนักงานฝ่ายไอทีสุดเนิร์ด แอบเป็นหมาแหงนมองเครื่องบินอย่าง นุ้ย (มิว นิษฐา จิรยั่งยืน) มาร์เก็ตติ้งสาวสวยมาเป็นเวลาหลายปี โดยมีคุณคู่แข่งคือคุณท็อป (ตุ้ย ธีรภัทร์ สัจจกุล) เจ้าของบริษัทที่ทั้งสองทำงานอยู่
วันหนึ่ง บริษัทพาพนักงานไปเที่ยวที่ฮอกไกโด เด่นชัยขอพรกับระฆังว่า ขอให้เขาได้เป็นแฟนกับนุ้ย…แค่หนึ่งวันก็ยังดี แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก นุ้ยประสบอุบัติเหตุจากสกี พอฟื้นขึ้นมา เธอก็มีอาการความจำเสื่อมชั่วคราว (Transient Amnesic Syndrome หรือ TGA) แปลว่า เธอจะความจำเสื่อมเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เด่นชัยจึงใช้โอกาสนี้ในการสวมรอยเป็นแฟนนุ้ยและพาเธอเที่ยวต่อ… แม้จะแค่วันเดียวก็ตาม
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว
แรกเริ่มเดิมที พี่โต้ง บรรจง แจ้งเกิดจากหนังแนวสยองขวัญ ต่อมาก็มาเปรี้ยงเข้าไปใหญ่เมื่อหันมาเอาดีทางหนังตลกอย่าง พี่มากพระโขนง กับ กวน มึน โฮ และตอนนี้ แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว ก็เหมือนจะเป็นการลองเปลี่ยนมาชิมลางหนังรักของพี่แก แต่ก็ยังมีติดตลกนิด ๆ หน่อย ๆ พอเป็นกระสัย
พูดยากเหมือนกันนะ ที่เราต้องพูดตามตรงว่า สำหรับเรา แฟนเดย์ ถือเป็นผลงานที่ “ดีน้อยที่สุด” ของพี่โต้ง บรรจง และยังเป็นการเปิดตัวหนังเรื่องแรกของ gdh ที่ไม่สง่างามอย่างที่คาดหวัง แต่ขอออกตัวก่อนนะว่า เราไม่ได้บอกว่า แฟนเดย์ ไม่ดีหรือห่วยแตก คือมันก็มีทั้งส่วนที่โอเคและไม่โอเคตามประสา แค่พอเอาทุกส่วนมาชั่งตวงวัดดูแล้ว เราเจอส่วนที่ “ไม่อิน” มากกว่าส่วนที่ “อิน” ก็เท่านั้น
จริง ๆ ในหนังก็มี 4-5 ประโยคที่เราฟังแล้วจี๊ดนะ แต่ถ้าคำนวณสัดส่วนจากความยาวของหนังและหักลบกับไดอะล็อกบางไลน์ที่ดูยัดเยียดจนเกินไปให้ เต๋อ พูด (เช่น มุก CTRL+Z ที่ใช้ไม่เป็นประโยชน์ หรือมุกเขาเอเวอร์เรสต์ที่ไปได้ไม่สุด) เราสรุปได้ว่าเรา “เฉย ๆ” กับหนังเรื่องนี้ แต่อย่างว่า… จะจี๊ดไม่จี๊ด มันก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และความสตรองของใครของมัน
ถ้าคุณเคยมีประสบการณ์เล่นของสูงประเภท “หมามองเครื่องบิน” และ/หรือแอบรักแอบห่วงและช่วยเหลืออยู่ห่าง ๆ พลางร้องเพลง “ได้แอบมองเธอข้างเดียวอยู่ที่มุมนี้ก็พอแล้ว ไม่มีเงื่อนไขใดใดในความหวังดี~” และ/หรือทำให้เขาทุกอย่างแต่เขาไม่รู้ไม่เห็นค่า และ/หรือเป็นผู้ชายที่มีคาแรกเตอร์ “nerd” คล้ายเด่นชัย (เต๋อ ฉันทวิชช์) ในเรื่อง เราว่าคุณก็น่าจะอินได้ไม่ยาก
แต่ถามว่าผู้หญิงอย่างเราชอบผู้ชายแบบเด่นชัยมั้ย… โดยส่วนตัวเรากลัวคนประเภทนี้นะ กลัวที่มีคนรู้เรื่องเราดีทุกอย่างยิ่งกว่าแฟนพันธุ์แท้ และกลัวที่เขาต้องมาพยายามทุกสิ่งอย่างให้เรา เราว่ามันเยอะไป เราว่ามันดูจิต และเป็น stalker ไปเสียหน่อย ทั้งนี้ยังไม่นับความพูดจาภาษา “geek” และการขาดสามัญสำนึกในการแยกแยะระหว่าง “ปากหมา” กับ “พูดตรง” นั่นอีกต่างหาก
แต่ถ้าพูดถึง เต๋อ เราชื่นชม เต๋อ นะ แสดงดี ทุ่มเทดี ถึงกับยอมทำให้ตัวเองไม่หล่อเพื่อให้สมบทบาท ส่วน มิว ยังเล่นซีนอารมณ์หรือซีนดราม่าไม่ค่อยถึง เอาง่าย ๆ แค่ตอนเหวี่ยง ต้องขึ้นกูมึงและพูดคำหยาบ อินเนอร์ยังไม่แรงอย่าง หนูนา หนึ่งธิดา ใน กวน มึน โฮ แต่ในส่วนของความน่ารักและรอยยิ้มสดใสนั้น มิว ทำได้ดีมาก เป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องพยายาม สวยจนอยากให้ไปโฆษณายาสีฟันและยาสระผมมากกว่ามาเล่นหนัง
แต่ต่อให้ มิว จะแสดงดีกว่านี้ เราว่ายังไงเราก็คงไม่ชอบคาแรกเตอร์ของ “นุ้ย” อยู่ดีนะ ถึงแม้ดูผ่าน ๆ นางเหมือนจะเป็นแฟนในจินตนาการของผู้ชายหลายคน แต่เราดูแล้วไม่เห็นเลยว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรดีเลยนอกจากสวยและมนุษยสัมพันธ์ดี เอาจริง ๆ คือนิสัยไม่ดีเหอะ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เหยียดพระเอก คบกับเจ้านายทั้งที่รู้เต็มอกว่าเขามีครอบครัวแล้ว โง่เชื่อว่าเขาจะหย่ากับเมียแล้วมาแต่งกับตน โอ๊ย~ ดูแล้วหงิดความเมียน้อย
แต่มองอีกแง่ หนังให้พระนางมีคาแรกเตอร์แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ดู “real” และมีอยู่จริงดี เราจะได้เลิกยึดติดกับภาพลักษณ์พระเอกนางเอกยุคเก่า ๆ กันจริง ๆ เสียที และหวังว่าบท “นุ้ย” จะเป็นตัวอย่างของผู้หญิงยุคใหม่ในการเลือกผู้ชายนะคะ เพราะเราจะได้เห็นกันว่า เจ้าชายในฝันที่หล่อและรวยมากอย่างคุณชายพี่ท็อป (ตุ้ย ธีรภัทร์) ก็ไม่ได้ตอบโจทย์ความสุขและความมั่นคงในชีวิตของเราได้เท่ากับผู้ชายธรรมดาที่จริงใจ
จะว่าไป “ความจริงใจ” นี่แหละที่เป็นแก่นของหนังเรื่องนี้ อย่างในเทรลเลอร์ เราคงจะเห็นแล้วว่า พระเอกเลือกที่จะฉวยโอกาสโกหกนางเอกซึ่งความจำเสื่อมว่าเธอเป็นแฟนของเขาแทนที่จะบอกความจริง ซึ่งในหนัง มันก็ยังมีจุดเล็กจุดน้อยเกี่ยวกับ “ความจริงใจ” และ “การโกหก” ทั้งโกหกขาวและโกหกเทา อีกมากมายแทรกอยู่ เช่น ความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการโกหก มันจะไปได้ไกลถึงแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้หนังไปตั้งใจเล่นประเด็น “ความจริงใจ” กับ “การโกหก” หรือ “ความจริง” กับ “ความฝัน” พร้อมกับหลอกล่อคนดูให้คล้อยตามโดยการนำเที่ยว (sightseeing) ชมวิวและบรรยากาศสวย ๆ ของฮอกไกโด ซึ่งก็ทำได้ดีในระดับมาตรฐาน GTH (หรือ gdh) แต่ผิดหวังที่ทีมเขียนบททำการบ้านกับประเด็น ความจำเสื่อมชั่วคราว (Transient Amnesic Syndrome หรือ TGA) ของนางเอกมาน้อย หรือก็คงทำแหละ… แต่เลือกที่จะหละหลวมกับมัน แล้วไปให้ความสำคัญกับ “สิ่งที่ขายได้มากกว่า” แทน
ช่วงกลางเรื่องเป็นช่วงที่เราชอบไม่ชอบที่สุด รู้สึกเบื่อ เหมือนนั่งดูพรีเซนเตชั่นงานแต่งงานควบรายการนำเที่ยวฮอกไกโด คือเราก็เข้าใจนะว่า เขาอยากให้เราเข้าไปอยู่ในโลกแห่ง “ฝันที่เป็นจริง” ของพระเอก แต่เราว่ามันเป็นความเพ้อฝันที่ยาวเวิ่นเว้อเกินไป ซึ่งมันอาจจะผิดที่เราเองที่ไม่สามารถมีอารมณ์ร่วมกับมันได้ เข้าไม่ถึงคนประเภทอย่าง “เด่นชัย” กับ “นุ้ย” และไม่ตื่นเต้นกับการเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
แต่ช่วงองก์แรกกับช่วงองก์สุดท้ายอยู่ในเกณฑ์ที่โอเค โดยเฉพาะเลือกตอนจบได้ดี เข้ากับคอนเซ็ปต์หนัง และทิ้งอารมณ์คนดูให้หน่วงและคิดตามต่อแม้หนังจะขึ้น credit แล้ว แต่มันก็ไม่ได้เป็นประเด็นต้องถกข้ามวันข้ามคืนขนาด Inception หรอกนะ และก็ไม่ได้ซาบซึ้งตราตรึงอะไรขนาดนั้น เต็มที่ก็มีความรู้สึกนั้นไม่เกิน 24 ชั่วโมงเช่นเดียวกับโรคที่ “นุ้ย” เป็นนั่นแหละ ตื่นเช้ามาก็ลืม…
ทั้งนี้ทั้งนั้น โดยรวม แฟนเดย์ (เช่นเดียวกับหนัง GTH ที่แล้วมา) ก็ยังเป็นหนังไทยที่มีคุณภาพและน่าสนับสนุนกว่าหนังไทยหลาย ๆ เรื่องอยู่วันยังค่ำ โปรดักชั่นดี ภาพสวย
นอกจากนี้ ด้วยบุญบารมีของโต้ง บรรจง, เต๋อ ฉันทวิชช์, และทีมงาน ที่สั่งสมมาตั้งแต่ยุคสมัย GTH เราจึงเชื่ออีกว่า สุดท้ายหนังเรื่องนี้ก็จะยังขายได้ ยิ่งเนื้อหนังมี “คนแอบรัก”, “มนุษย์ออฟฟิศ”, รวมถึง “ญี่ปุ่น” เป็นองค์ประกอบหลักด้วยแล้ว ยังไงก็โดนใจกลุ่มคนดูกระแสหลักแน่นอน อย่างน้อย ๆ ก็เข้าถึงกลุ่มคนดูได้กว้างกว่า ฟรีแลนซ์ฯ ของ เต๋อ นวพล (ถึงแม้เราจะชอบ ฟรีแลนซ์ฯ ของ เต๋อ นวพล มากกว่าก็ตาม)
สรุป คะแนนตามความชอบส่วนตัว เราขอให้ แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว ที่ 7.5/10 (ตามมาตรฐานหนังไทย) ไม่ดี ไม่แย่ กลาง ๆ ค่อนไปทางเฉย ๆ
ป.ล. มีความขัดหูขัดตาเล็กน้อยเวลาตัวละครพูดภาษาอังกฤษ แต่ subtitle ก็ยังขึ้นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่ก็ไม่ได้เก็บเอามาคิดเป็นประเด็น และเข้าใจว่า บางครั้งสำเนียงคนญี่ปุ่นมันก็ฟังยากจริง ๆ นั่นแหละ เดี๋ยวเอาหนังไปขายประเทศอื่น แล้วคนบ้านเขาจะฟังไม่รู้เรื่อง จบ.
แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว เข้าฉาย 1 กันยายน 2016 นี้ ในโรงภาพยนตร์
122 comments