หลังจาก Star-Lord (Chris Pratt) แห่ง Guardians of the Galaxy หนีไปเลี้ยงไดโนเสาร์อยู่ที่สวนสนุก Jurassic World ปีนี้ค่ายหนังซูเปอร์ฮีโร่ยักษ์ใหญ่อย่าง Marvel ก็ได้ไปจ้าง Paul Rudd มาเป็นซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่แกะกล่องแห่งจักรวาลมาร์เวล
เรื่องย่อ Ant-Man
หลังจากที่ล้มเหลวกับการพยายามขอสูตรเคมีในการสร้าง Ant-Man ของ Dr. Hank Pym (Michael Douglas จาก Wall Street, The Game, Basic Instinct) มาหลายสิบปี ในที่สุดศิษย์เอกอย่าง Darren Cross (Corey Stoll จาก Non-Stop, The Bourne Legacy, The Good Lie) ก็คิดค้นสูตรมนุษย์จิ๋วนั้นเองได้สำเร็จ และตั้งใจจะขายชุด Yellowjacket นั้นให้กับนายทุนหรือกองทัพทหารที่หวังเอามันไปใช้เป็นอาวุธในทางที่ผิด
Dr. Hank จึงพยายามหาคนมาเป็นทายาทสวมชุด Ant-Man แทนเขา เพื่อช่วยปกป้องและป้องกันไม่ให้ชุด Yellowjacket ตกไปอยู่ในมือคนชั่ว โดยมีลูกสาวคนสวย Hope (Evangeline Lilly หรือเอลฟ์สาวจาก The Hobbit) คอยช่วยเขาอยู่อย่างลับๆ
ทางด้านพระเอกของเรา หลังจากติดคุก 3 ปีในข้อหาย่องเบา Scott Lang (Paul Rudd จาก The 40-Year-Old Virgin) ก็ตั้งใจจะออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ และทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้กลับไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของ Cassie (Abby Ryder Fortson จาก Playing It Cool) ลูกสาวตัวน้อยของเขาอีกครั้ง
Maggie (Judy Greer จาก Dawn of the Planet of the Apes และ Jurassic World) อดีตภรรยาของ Scott ซึ่งปัจจุบันได้หมั้นหมายกับนายตำรวจ Paxton (Bobby Cannavale จาก Danny Collins) ก็ไม่ค่อยยินดีให้อดีตโจรอย่าง Scott เข้ามายุ่งเกี่ยวกับ Cassie มากนัก จนกว่าจะมั่นใจว่าเขามีที่อยู่ที่กินเป็นที่เป็นทาง มีงานที่มั่นคงทำ และช่วยเหลือส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกสาวได้
Scott ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมไปร่วมกระบวนการงัดแงะบ้านของ Dr. Hank Pym กับอดีตเพื่อนร่วมคุกสุดเกรียนอย่าง Luis (Michael Peña จาก American Hustle และ Fury) โดยมีอีกสองเกรียน ได้แก่ Dave (แรปเปอร์ T.I.) และ Kurt (David Dastmalchian) เป็นเพื่อนร่วมทีมโจรกรรม
โดย Scott เองก็หารู้ไม่ว่าตนเองกำลังเดินตามหมากของมหาเศรษฐีอัจฉริยะอย่าง Dr. Hank โดยไม่รู้ตัว และก็ต้องลงเอยไปเป็นมนุษย์มดให้ Dr. Hank โดยไม่ตั้งใจ
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ Ant-Man
ปกติแล้วเราจะไม่ค่อยคาดหวังอะไรมากกับหนังของค่าย Marvel นอกจากความบันเทิง ซีจี หรือไม่ก็ดูนักแสดงหล่อๆ ที่ชื่นชอบให้ฟินเล่นๆ นอกจากนี้ เราต้องยอมรับด้วยว่าตอนแรกเราก็คิดในใจเหมือนกันว่า เรื่องนี้คืออะไร Ant-Man อะไร มนุษย์มดอะไร ฮีโร่อะไร ทำไมดูไม่เท่เอาเสียเลย ทั้งชุดทั้งชื่อ (ทั้งนี้ อาจจะผิดที่เราเอง เราอาจจะติดภาพ “ไอ้มดแดง” มากไปหน่อย) แต่พอเราได้ดู Ant-Man จบแล้วจริงๆ เราต้องบอกเลยว่า ของเขาครบรสเลยจริงๆ แล้วครบรสแบบ “ทำถึง” ซะด้วย สั้นๆ ง่ายๆ คือ สนุกกว่าที่คาด บันเทิงกว่าที่คิด
1. ความบันเทิง
ในด้านของความบันเทิงที่คาดหวังไว้ ถ้าใครชินกับบู๊ล้างโลกอย่างฮีโร่ตัวอื่นๆ ใน Avengers ก็อาจต้องเข้าใจก่อนนิดนึงว่า สำหรับหนังเรื่อง Ant-Man มันไม่ได้เน้นตอบโจทย์ความบันเทิงในแง่ฉากบู๊ล้างผลาญทำลายโลกขนาดนั้น
กล่าวคือเขาไม่ได้มีฉากบู๊เยอะฉาก แต่ละฉากก็ไม่ได้บู๊ระเบิดระเบ้อยิ่งใหญ่เท่าหนัง Marvel เรื่องอื่นๆ ที่พังถล่มทั้งเมืองราบเป็นท่าเตียนอย่างใน Avengers และไม่ได้ฟาดฟันเว่อร์วังระดับจักรวาลอย่าง Thor เพราะมนุษย์มดของเราตรงข้ามกับ Hulk ยิ่งนัก นางตัวเล็กกระจึ๋งเดียวอย่างที่เห็น คือต่อให้ไอ้มนุษย์มดของเรายกรถไฟ (ของเล่น) ทั้งขบวนขึ้นมาทุ่ม ก็ไม่มีเสาคานจั่วหลังคาที่ไหนสะเทือนเท่าไหร่นัก
จะว่าไปแล้ว เอาจริงๆ ตั้งแต่ดูหนังแนวนี้มา Ant-Man ดูสมเหตุสมผลที่สุดแล้วที่จะเลือกดูในโรงแบบจอใหญ่ๆ กว้างๆ และดูแบบ 3D (หรือไม่ก็ 4D ไปเลย) เพราะจอดังกล่าวมันจะช่วยเพิ่มความสมจริง ช่วยเน้นให้เราเห็นสเกลของไอ้มนุษย์มดได้ชัดเจนมากขึ้น อินมากขึ้น ตระการตามากขึ้น และมีอรรถรสในการรับชมมากยิ่งๆ ขึ้น
แล้วทุกๆ ฉากบู๊ใน Ant-Man นั้น เราพูดได้เต็มปากเต็มคำเลยว่า สวยงามและสนุกมาก ยิ่งเราได้ดูแบบ IMAX 3D นี่ยิ่งเห็นได้ชัดเลยว่า ทีมงานเขาใส่ใจในรายละเอียดทั้งภาพและเสียงทุกเม็ดสุดๆ งาน Visual คือโดดเด่นจริงๆ เราชอบงานภาพสุดละ อยากให้ทุกคนลองไปชมดู
รองลงมาก็ชอบการออกแบบฉากต่อสู้แต่ละช็อต คือเราชอบตรงที่… ไม่ว่ามันจะเป็นฉากต่อสู้เพื่อให้มัน หรือต่อสู้เพื่อให้ขำ มันดูล้วนแต่ผ่านการคิดและการ “สร้างสรรค์” มาแล้วอย่างดี มีหลายอย่างที่เขาอุบเอามาเซอร์ไพร์สเหมือนกัน ซึ่งเราชอบนะ น่ารัก ประทับใจ ไม่รุนแรงเกินไปด้วย เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูดี
ส่วนความบันเทิงที่อิ่มเอมที่สุดของ Ant-Man สำหรับเราคือความฮาในไดอะล็อก และความฮาโดยคาแรกเตอร์นักแสดงในเรื่อง หนังเขามีมุกล้นเหลือ พระเอกก็มีลุคที่ดูขี้เล่น กวนๆ น่ารัก มีเสน่ห์ ลูกสาวพระเอกก็โคตรน่ารัก นางเอกก็สวยสง่า (แต่แอบสงสัยนิดนึงว่า ทำไมนางทำผมทรงเดียวกับนางเอก Jurassic World เลย มันกำลังฮิตหรอ?) และนี่ยังไม่นับอีกหลายฉากที่มี Michael Peña เป็นตัวขโมยซีนนั่นอีกต่างหาก ส่วนคุณปู่ Michael Douglas ก็กลับมาคืนฟอร์ม โชว์ให้เห็นกันชัดๆ ว่าป๋ายังอยู่นะ ป๋ายังไม่ตาย ป๋ายังเก๋าอยู่~
เอาเป็นว่า ความบันเทิงโดยรวม ถึงแม้จะไม่ใช่มุกตลกคล้ายกับแบบ Avengers ที่คนไทยนิยมชมชอบ แต่ Ant-Man ก็มีความฮาในสไตล์ของมันเองที่ชวนขำและอมยิ้มตลอดเรื่อง ความบันเทิงโดยสรุปทั้งเรื่อง เราเต็มใจให้คะแนน Ant-Man (เฉพาะพาร์ทความบันเทิง) ที่ 9/10 เลย
หัก 1 คะแนนตรงที่ตอนต้นเรื่องปูเรื่องเยอะไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้เยอะถึงขั้นแย่ เพราะเข้าใจดีว่า Ant-Man ถือเป็นฮีโร่ใหม่ เพิ่งขึ้นจอครั้งแรก หนังจำเป็นต้องปูแบคกราวนด์เกี่ยวกับอุปนิสัยและศักยภาพของพระเอก รวมถึงที่มาที่ไปของฮีโร่ Ant-Man เยอะหน่อย นอกจากนี้ หลังจากเขาปูเรื่องเข้ารูปเข้ารอยแล้ว ความมันและความบันเทิงเขาใส่มาไม่ยั้งเลยจริงๆ ดำเนินเรื่องฉับไวด้วย ดังนั้น ความเอื่อยๆ ในช่วงองก์แรกจึงถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เราให้อภัย
2. ฮีโร่
คนที่เป็นสาวกหรือแฟนหนังค่ายนี้ คงรู้กันดีว่า Tony Stark (หรือ Iron Man) กับ Bruce Banner (หรือ Hulk) เป็นฮีโร่ที่เกิดจากมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่เป็นอัจฉริยะทางด้านวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ ส่วน Steve Rogers (หรือ Captain America) ก็จะเป็นกลุ่มที่เป็น nobody หรือ rookie มาก่อน แล้วก็ค่อยมาถูกต่อเติมเสริมแต่งหรือดัดแปลงให้เป็นฮีโร่ ส่วน Peter Quill (หรือ Star-Lord) กับ Peter Parker (หรือ Spider-Man) จะเป็นฮีโร่ที่มีคาแรกเตอร์กวนๆ หน่อย (เออ…Tony Stark ก็เข้าข่ายกรุ๊ปนี้ด้วย นั่นแหละๆ)
Ant-Man เป็นฮีโร่ที่เข้าข่ายทุกอย่างตามที่กล่าวมาข้างต้น กล่าวคือ ก่อนจะมาเป็นมนุษย์มด Scott Lang ก็เป็นแค่คนธรรมดาที่เคยติดคุกเยี่ยง loser แต่เขาก็มีความอัจฉริยะล้ำเลิศอย่างน่าประทับใจ (แถมพ่วงด้วยดีกรีการศึกษาอย่างหรู) แล้วก็ยังมีคาแรกเตอร์ที่ยียวนกวนตีนอย่างน่ารักน่าชังที่มอบรอยยิ้มและความบันเทิงให้กับเราได้ไม่ว่าจะ ณ ขณะที่เขาใส่เสื้อเกราะหรือไม่ได้ใส่เสื้อเกราะอยู่ก็ตาม
ความพิเศษของ Ant-Man ที่แตกต่างจากฮีโร่ทั่วไปคือเขาฟอร์มทีมของตัวเองได้ทันที ทีมของเขาเป็นสัตว์เล็กๆ ที่หาได้ทั่วไป และมีเป็นล้านๆ ตัวบนโลก นั่นก็คิอ “มด” … สิ่งมีชีวิตที่ขึ้นชื่อว่ามีพละกำลังล้นเหลือ ขยัน ทำงานเป็นฝูง และมีลักษณะพิเศษอีกมากมายที่การันตีความจิ๋วแต่เจ๋งของสปีชี่ส์มัน
เมื่อ Ant-Man ทำงานกับมดและเรียนรู้ที่จะ lead มดได้ เราจึงจะไม่ได้เห็น Ant-Man กัดกับเพื่อร่วมทีมอย่างที่เราเห็นฮีโร่กัดกันเองในทีม Avengers อาจจะมีฉากกัดๆ กันบ้างนิดหน่อย ตอนที่พระเอกเราต้องทำงานกับเพื่อนร่วมทีมที่เป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะกับ Luis หรือกับ Hope แต่ไม่ว่าจะเป็นทีมแบบไหน หนังก็ช่วยตอกย้ำให้เราเห็นว่า ต่อให้ฮีโร่คนนั้นจะเก่งแค่ไหน แต่ละ mission แต่ละ task ก็ล้วนแต่จำเป็นต้องมี “ทีมเวิร์ค” ที่ดีคอยซัพพอร์ตซึ่งกันและกันทั้งสิ้น
3. ไม่มีใครอยากเป็นคนตัวเล็ก
Scott Lang ไม่เคยคิดฝันว่าจะเป็นฮีโร่กู้โลกหรือออกไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน เขาเป็นแค่ “มนุษย์พ่อ” คนหนึ่งที่หวังแต่จะเป็นฮีโร่ในดวงใจของลูกรักของเขาคนเดียวเท่านั้นตลอดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ลูกกำลังอยู่ในวัยเติบโต และเขาก็กำลังถูกแทนที่ด้วย “แฟนใหม่ของแฟนเก่า” ที่ไม่ใช่แค่ดูเหมือนจะมีความพร้อมกว่าที่จะเป็น “พ่อคน” มากกว่าเขา แต่ยังเป็นถึงตำรวจซึ่งเป็นฮีโร่ของประชาชนอีกด้วย
แน่นอนว่า ถึงแม้จะไม่สามารถดำรงตำแหน่ง “ผู้นำครอบครัว” ได้เต็มตัวอีกแล้ว แต่ Scott ก็ยังมีโอกาสที่จะรักษาตำแหน่ง “ฮีโร่ของลูก” นั้นเอาไว้ เพราะเขาอยากมีตัวตนในสายตาลูก อยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูก และไม่อยากเป็นคนตัวเล็กๆ ไกลๆ สำหรับลูก เช่นเดียวกับ Hope ที่น้อยใจ Dr. Hank ผู้เป็นพ่อ และเช่นเดียวกับ Dr. Hank ที่ต้องพยายามมาทั้งชีวิตเพื่อให้ลูกสาวคนเดียวของเขาเลิกทำกับเขาเหมือนเขาเป็นคนอื่นคนไกล
มันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ หรืออาจจะแม้แต่สัตว์ทั้งหลาย… ไม่ว่าจะใคร… ต่างก็อยากเป็นคนสำคัญ หรือ “คนตัวใหญ่” ในสายตาคนที่เขาแคร์ ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่สำคัญ หรือ “คนตัวเล็ก” ที่ยืนทนโท่อยู่ก็ไม่มีใครเห็นหัว หรือแหกปากร้องลั่นอยู่ก็ไม่มีใครได้ยิน
อย่างไรก็ตาม บทบาท Ant-Man จะทำให้เราเข้าใจว่า คนเราไม่จำเป็นต้องเป็น “คนตัวใหญ่” หรือมีอำนาจบาตรใหญ่เสมอไปก่อนที่จะปกป้องคนที่เรารักหรือเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้ ความจริงคือ ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ไซส์อะไร เราก็สามารถทำได้
เพราะสิ่งที่เราต้อง “ใหญ่” มีแค่สองอย่างเท่านั้นก็คือ “ใจ” และ “สมอง” แค่นั้นจริงๆ
Ant-Man เข้าฉาย 15 ก.ค. 2015 ในโรงภาพยนตร์
ป.ล. มีเครดิตสองรอบ ได้แก่ Mid Credit & End Credit ดังนั้นอย่าเพิ่งรีบลุก อันหลังอาจต้องรอนานนิดหน่อย แต่ก็แอบฟินเบาๆ อยู่เหมือนกันนะ นั่งรอไปเถอะ มันมีอะไรจริงๆ และยังเป็นการส่งต่อไปเรื่องอื่นๆ (หรือภาคอื่นๆ) ได้ดีทีเดียว :)
49 comments
หนังสนุกดี