“Do you really just put the word quantum ahead of everything?”
เราไม่เคยอ่านการ์ตูน Marvel เราจึงเพิ่งได้รู้จักกับ Ant-Man เมื่อสามปีที่แล้วนี้เอง มันก็ดูเป็นแค่หนังสเกลเล็ก ๆ ของค่าย Marvel (เล็กแล้วเมื่อเทียบกับหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่น ๆ ในจักรวาลเดียวกัน) และส่วนใหญ่ก็แค่มาปูแบคกราวนด์หรือแนะนำฮีโร่คนใหม่นี้ให้พวกเรารู้จัก แต่เรากลับชอบมาก ๆ ตามที่เราเคยเขียนไว้ในบล็อก Ant-Man ว่าเราชอบความที่ฮีโร่มีความเป็นมนุษย์… เป็นพ่อ (ที่ไม่เอาไหน)… เป็น nobody… จนถึงกระทั่งเคยเป็นคนขี้คุกมาก่อน ชอบความครีเอท ยืด ๆ หด ๆ ย่อ ๆ ขยาย ๆ ของสิ่งต่าง ๆ และชอบความตลกขโมยซีนของ Michael Peña ที่รับบทเป็น Luis เพื่อนซี้ปึ้กของพระเอก
เนื้อเรื่องภาคแรก หลัก ๆ ก็อยู่ที่การพยายามเอานวัตกรรมของ Dr. Hank Pym (Michael Douglas จาก Wall Street) ไปใช้ในทางที่ผิด แต่แฝงประเด็นครอบครัว ของชายสองคนที่ไม่อยากเป็น “คนตัวเล็ก” หรือ “คนที่ไม่ถูกมองเห็น” ในสายตาลูก ทั้งความสัมพันธ์ของ Dr. Hank Pym กับลูกสาวของเขา Hope van Dyne หรือ The Wasp (Evangeline Lilly จาก The Hobbit) และความสัมพันธ์ของ Scott Lang หรือ Ant-Man (Paul Rudd จาก The Perks of Being a Wallflower) กับลูกสาวของเขา Cassie (Abby Ryder Fortson จาก Playing It Cool)
สเกลหนังภาคสองก็ยังไม่ได้ใหญ่ไปกว่าเดิมอะไร เนื้อเรื่องหลักก็ยังคล้าย ๆ เดิม คือ มีผู้ร้ายพยายามมาขโมยห้องแล็บ (ซึ่งยืดได้หดได้) ของ Dr. Hank Pym คนเดิม โดยผู้ร้ายคราวนี้มีสองฝ่าย ได้แก่ Sonny Burch (Walton Goggins จาก The Hateful Eight) นักค้าอาวุธในตลาดมืด ที่ต้องการมันไปเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ และ Ava หรือ Ghost (Hannah John-Kamen จาก Ready Player One) ที่ต้องการมันไปเพื่อรักษาโรคของตัวเอง ในขณะที่ Hank สร้างแล็บนี้ขึ้นมาเพียงเพื่อช่วยเหลือภรรยาของเขา ผู้พลัดพรากจากกันกว่า 30 ปี…
หากใครจำภาคแรกได้ Hank เคยเป็น Ant-Man และมีคู่หูคือ The Wasp ซึ่งนั่นก็คือ Janet van Dyne (Michelle Pfeiffer จาก Murder on the Orient Express) ภรรยาของเขา แต่เธอหายไปและไปติดอยู่ในมิติควอนตัมตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้ว
ส่วน Scott ไม่ได้มีปัญหากับทางบ้านเหมือนภาคที่แล้วแล้ว แต่มีปัญหาคือ เขาเพิ่งถูก FBI กักบริเวณ หลังจากที่ไปก่อเรื่องใน Captain America: Civil War จนทำให้ Hank กับ Hope พลอยเดือดร้อน โดนยึดทรัพย์ไปด้วย เขาจึงไม่ได้ติดต่อกับสองพ่อลูกนั้นอีก จนกระทั่งวันนึงเค้าฝันถึง Janet van Dyne กับ Hope ในวัยเด็ก แล้วความฝันนั้นมันดูเรียลมาก ๆ
ตอนแรก Hank กับ Hope ก็ยังไม่สามารถสร้างอุโมงค์ไปมิติควอนตัมได้เสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้สักที จนกระทั่งได้รับข้อความจาก Scott พวกเขาจึงได้ reunion กัน และ Hank ก็ต้องบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจาก Bill Foster (Laurence Fishburne จาก The Matrix) เพื่อนเก่าผู้มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้
โดยสรุป สั้น ๆ สตอรี่ไม่ค่อยมีอะไร เนื้อเรื่องก็แค่นั้นเลย เหมือนหนังครอบครัวเรื่องหนึ่ง สองพ่อลูกพยายามสร้างอุโมงค์ควอนตัมเพื่อไปช่วยเมีย/แม่ แต่ระหว่างทางนั้น มีอุปสรรคและมารผจญไม่จบไม่สิ้น (ส่วนหนึ่งก็เพราะ Scott นำพามาด้วยก็มี) โดยภาคนี้ Hank กับ Hope จะมีบทบาทและมีซีนเยอะกว่าภาคที่แล้ว โดยเฉพาะ The Wasp ที่แอ็คชั่นหนักกว่า Ant-Man ซะอีก และมีซีนได้ช่วยชีวิตพระเอกอีกด้วย
โดยรวมมันก็ไม่มีอะไรมาก เน้นขายฉากแอ็คชั่นต่อสู้ตื่นตาตื่นใจและโชว์ซีจียืดหดย่อขยาย คุ้มค่าตั๋ว IMAX 3D ซึ่งภาคนี้ย่อขยายส่วนนางมาเยอะกว่าเดิม ฉากแอ็คชั่นยัง Wow เหมือนเดิม ความตลกก็ยังเป็นเสน่ห์ของหนังเช่นเคย คือยังไง ๆ ก็เรียกว่าสนุกสมราคา Marvel ดูได้เพลิน ๆ ตอบโจทย์ความบันเทิงเริงใจ (ส่วนความเว่อร์ก็เว่อร์เหมือนเดิม แต่ถ้าถามว่าสมเหตุสมผลไหม ตอบไม่ได้ เพราะนี่โง่ฟิสิกส์ ไม่เข้าใจควอนต้งคอนตัมอะไรทั้งสิ้น มันพูดอะไรกัน!~)
คะแนนตามความชอบส่วนตัว รู้สึกมันตื่นตาตื่นใจน้อยกว่าภาคแรก แต่ก็โอเค ดีอยู่ 8/10
ป.ล. มี end-credit สองตัว ตัวแรก ควรดู เพราะมีความเชื่อมโยงกับ Infinity War และกราฟิกแปะหน้ามันก็สวย ส่วน end-credit ตัวที่สอง ถ้าปวดฉี่ ลุกได้เลย ดูก็ได้ ไม่ดูก็ได้ แล้วแต่~
51 comments
Comments are closed.