หลังจากที่ Ep.1 เราได้เล่าถึงแรงบันดาลใจในการไปเที่ยวตุรกี (อิสตันบูล และ คัปปาโดเกีย) คนเดียวไปแล้ว พร้อมกับรีวิวสภาพอากาศ ค่าเงินในช่วงที่เราไป (พ.ค. 2023) และสรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป รวมถึง Ep.2 ที่เล่าเรื่องการเดินทางจากสนามบินเข้าเมือง รีวิวโรงแรมที่พักในอิสตันบูล และการเดินเที่ยวเล่นวันแรกของเราในย่าน Beyoğlu (Istiklal Caddesi, Galata Tower, Galata Bridge) ไปแล้ว ใน Ep.3 นี้ เราจะเล่าถึงวันที่ 2 วันของเราในอิสตันบูล
Sultanahmet
วันที่สองของทริป เราเลือกไปย่าน Sultanahmet ซึ่งเป็นย่านที่มีแหล่งท่องเที่ยว ที่มีความสัมผัสเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม กระจุกอยู่ที่นี่หลายแห่งด้วยกัน ถ้าจะเดินเที่ยวในย่านนี้อย่างทั่วถึงและจริงจังจริง ๆ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 วันเลยด้วยซ้ำ แต่เรามีเวลาจำกัด ก็เลยยัดทั้งหมดในวันเดียว แล้วดันเป็นวันอาทิตย์ที่คนเยอะมาก ๆ
ก่อนเดินทางไป Sultanahmet เราก็หาคาเฟ่เพื่อจิบ Turkish Coffee และกินอาหารเช้าง่าย ๆ ก่อน ข้อดีที่โรงแรมอยู่แถว Istiklal Caddesi ก็คือ มีร้านรวงเยอะแยะตลอดทาง แต่ข้อเสียคือ เยอะจนไม่รู้จะเลือกเข้าร้านไหนก่อนหลังดี และราคาก็ค่อนข้างสูงตามสไตล์ย่านท่องเที่ยว มื้อเช้ามื้อแรกก็เลยเลือกร้าน Espresso Lab เพราะมันดูง่ายดี เห็นมีแฟรนไชส์เยอะ (อารมณ์เหมือนอะเมซอนที่มีทั่วไปในบ้านเรา แต่อันนี้พรีเมียมกว่า) มื้อนี้จ่ายไป 125 TL (หรือประมาณ 225 บาท ณ ขณะนั้น)
จากนั้นเราก็นั่ง รถไฟใต้ดิน (Metro) จากสถานี Sishane วิ่งข้ามน้ำไปลงสถานี Vezneciler แล้วก็เดินไปต่อ Tram เพื่อไปลงป้าย Sultanahmet ที่อยู่ตรงหน้าจุดศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวเลย ซึ่ง Tram เป็นรถรางไฟฟ้าที่วิ่งตรงรางกลางถนนเลย โดยส่วนตัว เราชอบการเดินทางโดย Tram มาก ๆ เพราะสะดวก เหมือนขึ้นรถเมล์บนถนนที่วิ่งบนรางบนถนน ไม่ต้องเดินขึ้นหรือเดินลงบันไดเหมือนรถไฟฟ้า BTS/MRT ระหว่างทางเราก็ได้ดูวิวข้างทางไปด้วย ที่สำคัญ Tram มักจอดป้ายหน้าแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ เลย เช่น Sultanahmet กับ Spice Bazaar หรือท่าเรือข้ามฟาก Eminönü ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางง่ายขึ้นไปอีก ส่วนค่าโดยสาร ก็ใช้ Istanbulkart ที่เราเล่าไปก่อนหน้าใน Ep.2 ในการแตะเข้าไปใช้บริการได้เลย ราคาก็ไม่แพง
พอถึง Sultanahmet ปุ๊บ ความรู้สึกแรกคือ คนเยอะมาก ๆ ๆ ๆ เยอะกว่านักท่องเที่ยวย่านวัดพระแก้วหรือในกรุงของเราหลายเท่าแบบเทียบไม่ติด ตอนแรกเราแพลนว่าอยากเข้าชมสถานที่ 4 ที่ในย่านนี้ (ซึ่งก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของไฮไลท์ที่ย่านนี้เท่านั้น) ตั้งแต่ Hagia Sophia, Blue Mosque, Basilica Cistern, และ Topkapi Palace แต่มันแถวยาวมาก ๆ ทุกแห่งหน ตั้งแต่แถวซื้อตั๋ว และแถวที่ต่อเข้าสถานที่นั้น ๆ ส่วนใหญ่เราจึงได้แต่เดินเล่นเช็คอินจากด้านนอก
เราได้ซื้อตั๋วเข้าชมแค่ Topkapi Palace หรือ Topkapı Sarayı ที่เดียวเท่านั้น เพราะโชคดีที่หันไปเจอตู้ซื้อตั๋วอัตโนมัติ (kiosk) ที่ไม่มีคิวเลยพอดี (ในขณะที่บูธซื้อตั๋วแบบปกติมันแถวยาวมาก ๆ ๆ) ตู้ kiosk นี้ ค่อนข้างอยู่ในหลืบ (มีป้ายบอกอยู่ว่า ซื้อตั๋วตรงนี้ได้ แต่เหมือนภาษาตุรกีเด่นกว่าภาษาอังกฤษ) และรับเฉพาะบัตรเครดิต ซึ่งข้อนี้เราโอเคมาก ๆ เพราะแทบตลอดทริปนี้ รวมถึงตามร้านอาหาร เราก็จ่ายด้วยบัตรเครดิตเป็นส่วนใหญ่
Topkapi Palace เราซื้อแบบ Combined tickets ซึ่งเป็นตั๋วที่รวมค่าเข้าทุกโซน (Topkapı Palace ซึ่งเป็นโซนมิวเซียม + Harem + Hagia Irene) ราคา 650 TL (ประมาณ 1,165 บาทไทย ณ วันที่เราไป) หรือถ้าไม่เข้าโซน Harem ค่าเข้าจะเหลือแค่ 500 TL แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โซน Harem ก็เป็นโซนที่ไม่ควรพลาดอยู่ดี หรือถ้าจะซื้อตั๋วเข้าเฉพาะแค่โซน Harem ที่เดียว ก็มีขายในราคา 225 TL
Topkapi Palace & Harem เคยเป็นบ้านของสุลต่านและครอบครัวในยุคออตโตมัน ที่เดียว ก็ต้องใช้เวลาเดินเกือบครึ่งวันแล้ว เพราะข้างในมีพื้นที่กว้างขวาง ภายในและการตกแต่งสวยอลังการสมฐานะ และใหญ่โตโอ่อ่ามาก ๆ ส่วน Hagia Irene เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของยุคไบเซนไทน์ และใหญ่เป็นอันดับสองรองจาก Hagia Sophia ตอนแรกโบสถ์นี้ไม่ได้อยู่ในแพลนของเรา แต่เนื่องจากมันรวมอยู่ใน Combined tickets ที่เราซื้อมา เราก็เลยได้ลองแวะเข้าไป ถ้าเข้าแค่ Hagia Irene ที่เดียว ค่าเข้าอยู่ที่ 180 TL แต่ตอนที่เราไป มันกำลังอยู่ในช่วงปรับปรุงหลายส่วน จึงรู้สึกว่าที่นี่ไม่ค่อยมีอะไร
จริง ๆ ถ้ามีเวลาและความอดทนในการยืนต่อแถว จริง ๆ เราก็ไม่อยากให้พลาด Hagia Sophia หรือ Aya Sofya ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุด สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 6 (ปิดวันจันทร์), Blue Mosque หรือ Sultanahmet Camii ซึ่งเป็นสุเหร่าเก่าแก่ทีสวยมาก (ต้องถอดรองเท้าและผู้หญิงต้องคลุมผม), Basilica Cistern อุโมงค์เก็บน้ำโบราณใต้ดิน และพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ อีกมายมายในละแวกนี้ด้วย
ถ้าจะเข้าหลายพิพิธภัณฑ์ แนะนำให้ซื้อ Istanbul Museum Card ก็จะช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลาไปเยอะ มูลค่า 1750 TL ใช้ได้ 5 วันนับจากวันที่ใช้ครั้งแรก) แต่อาจต้องจัดการเวลาดี ๆ หน่อย เพราะมิวเซียมส่วนใหญ่ปิดวันจันทร์ แต่บางที่ก็ปิดวันอื่น เช่น Topkapi Palace ที่ปิดวันอังคาร เป็นต้น
จาก Sultanahmet เราสามารถเดินทางกลับที่พักได้หลายทาง รวมถึงการเดินเท้า แต่วันนี้เดินเหนื่อยมามากพอแล้ว บวกกับติดใจการโดยสารด้วย Tram เราจึงนั่ง Tram จากหน้า Sultanahmet ไปลงสถานี Tophane แล้วตั้งใจว่าจะเดินต่อไปร้าน Cafe 6 หรือ Kahve 6 ที่ Google Map บอกว่า อยู่ห่างจากป้าย Tram แค่ประมาณ 500 เมตรเท่านั้น แต่พอได้เดินปุ๊บ เข้าใจเลยว่า “ใกล้ไม่ได้แปลว่าง่าย” เพราะมันคือ 500 เมตร แบบทางลาดชันขึ้นเขา ซึ่งมันเหนื่อยมากสำหรับคนที่ปกติไม่ค่อยได้ออกกำลังกายและเพิ่งผ่านการเดินอย่างหนักหน่วงที่ Sultanahmet มาทั้งวัน แต่พอเห็นคนรุ่นย่ารุ่นยายเขาเดินขึ้นลงกันอย่างชิลล์ ๆ (ใช่สิ! ก็ป้า ๆ เขาเดินมาตั้งแต่เด็กยันแก่ มันก็ชินสิ!) เราก็เลยต้องใจแข็ง ฮึดสู้ แสร้งเป็นเดินได้สบายมาก
ที่ Cafe 6 เป็นร้านคาเฟ่ local ที่ดูชิลล์ ๆ พนักงานคนแรกยังเด็กอยู่ เขาดูงง ๆ ที่เราพูดด้วย แล้วพนักงานคนอื่นหรือเจ้าของร้านก็ออกมาต้อนรับและคุยภาษาอังกฤษกับเราแทน เราสั่ง Antep Special (มีทบอลจากเนื้อแกะและเนื้อวัว กับถั่วลูกไก่) กับ Ayran (เครื่องดื่มโยเกิร์ตเย็น) มื้อนี้จ่ายไปประมาณ 200 TL (หรือประมาณ 365 บาท) หลังจากนั้นก็เดินกลับโรงแรม ซึ่งก็ยังมีเดินขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่บ้างอีก เราจึงตั้งปณิธานว่า ในวันที่เหลืออยู่ที่นี่ ฉันจะไม่นั่ง Tram มาลงที่ Tophane เพื่อต้องทรมานสังขารแบบนี้อีก
Day 2 Recap 📍 Brunch @ Espresso Lab, Istiklal Caddesi (125 TL) 📍 Metro Sishane - Metro Vezneciler - Tram Sultanahmet 📍 Hagia Sophia, Blue Mosque, Basilica Cistern 📍 Topkapi Palace + Harem + Hagia Irene (650 TL) 📍 Tram Sultanahmet - Tophane 📍 Kahve 6 (200 TL)
ฝากติดตามตอนต่อไปกันด้วยนะคะ :)
To be continued…