7 Days: เรารักกัน จันทร์ – อาทิตย์ เป็นหนังไทยเรื่องที่ 2 ที่เราดูในปีนี้ (เรื่องแรกคือ ๙ ศาสตรา เมื่อ ม.ค.) และเป็นผลงานจอเงินเรื่องที่ 3 ที่เราได้ดู มิว นิษฐา แสดงนำ โดยเรื่องนี้คาแรกเตอร์ของ มิว นิษฐา ก็ยังไม่ได้แตกต่างไปจากเรื่องก่อน ๆ มากนัก แต่มีอาชีพใหม่เป็นนักชิมและวิจารณ์อาหาร มีแฟนหนุ่มเป็นเชฟอารมณ์ดี คือ กันต์ กันตถาวร
พล็อตของหนังฟังคร่าว ๆ จะคล้ายกับหนังรักเกาหลี แต่จะมีความเลี่ยน ๆ ฟุ้ง ๆ ฝัน ๆ ปนน้ำเน่าเชย ๆ อยู่ เรื่องของเรื่องคือ วันนึง เชฟแทน (กันต์ กันตถาวร) ทะเลาะกับ มีน (มิว นิษฐา) เรื่องความฝันที่จะไปทำงานที่นิวยอร์ก แล้ววันต่อมาก็หายไป ทำให้มีนร้อนใจ ออกตามหา ส่วนแทนก็พบว่าหลังจากคืนนั้น เขาก็ตื่นมาอยู่ในร่างของใคร ๆ ที่ไม่ซ้ำหน้ากันในทุก ๆ วัน
เอาจริง สำหรับเรา เรารู้สึกว่ามันเชื่อได้ยากตั้งแต่ ตื่นมาในร่างคนอื่นทุกวันแต่มีมือถือของตัวเองติดตัวมาด้วย (ทำไมต้องมือถือ???) แต่ก็ทน ๆ ดูไปก่อน เผื่อมันจะสนุก และพอจะมองข้ามช่องโหว่ช่องนั้นไปได้
แต่กลายเป็นว่า ยิ่งดู ยิ่งผ่านไปทีละวัน ๆ ยิ่งพบช่องโหว่ที่ใหญ่ขึ้น ๆ เช่น ข้อจำกัดเรื่องระยะทางหรือสถานที่ ที่ทำให้เราเริ่มมีคำถามมากมายว่า “มันใช่หรอวะ / มายังไงวะ ฯลฯ” จนเริ่มไม่อินกับซีนอารมณ์ใดใดที่หนังพยายามจะถ่ายทอดอีกต่อไป
ปกติเราอาจไม่ค่อยได้ดูหนังที่ได้เห็นตัวละครเอกทำงานทำอาชีพจริง ๆ จัง ๆ เท่าไหร่หากไม่ใช่งานพวกตำรวจหรือสายลับ แต่เราเคยดูหนังรอมคอมที่พระเอก-นางเอกเป็นเชฟ มีความฝันไขว่ฟ้าคว้าดาวมิชลิน และมีการทำอาหารสลับกันเส้นเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครแทบตลอดเรื่อง เช่น เรื่อง The Hundred-Foot Journey ซึ่งเรื่องนั้นเราชอบมากเสียด้วย เพราะเขาเกลี่ยสตอรี่พาร์ทต่าง ๆ ได้ค่อนข้างลงตัวกลมกล่อม พาร์ทดราม่าหรือโรแมนติกก็ไม่เลี่ยนจนเกินไป พาร์ทคอเมดี้ก็ไม่ตลกจนทำให้เสียรสชาติหรือสำลักติดคอ โดยเรื่องนี้เขาเน้นเรื่องการทำอาหารและความฝันเป็นเส้นเรื่องหลัก
แต่ 7 Days: เรารักกัน จันทร์ – อาทิตย์ เหมือนอาหารเมนคอร์สจานหนึ่งที่แต่งหน้าสวยด้วยดาราแนวหน้าของวงการมากมายที่หล่อสวยและมีเสน่ห์ และมีวัตถุดิบที่โอเค ทั้งโลเกชั่น งานภาพ (ภาพสวยชวนฝันจริง ยอมรับ) และฝีมือการแสดง ฯลฯ (โดยเฉพาะ อนันดา เอเวอริงแฮม เชฟก้อง ผู้ช่วยเซฟองก์สุดท้ายของหนังได้ไม่น้อย) แต่พล็อต การตัดต่อ และการเล่าเรื่อง ยังทำได้ไม่กลมกล่อม
ยกตัวอย่าง การใส่ซาวนด์ที่ประหลาดอย่างบอกไม่ถูก เช่น ฉากตัวละครนั่งคุกเข่าที่ควรจะซึ้งแต่กลับน่าขำและน่าตกใจ เพราะใส่ซาวนด์ “ตึ้ง” มายิ่งใหญ่ประหนึ่งคชสารกำลังกระทืบปฐพี หรือพาร์ทโรแมนติกที่เยอะจนชวนเลี่ยนและความพยายามดราม่าที่เชย น่าเบื่อ เดาทางได้ง่าย ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เสมือนละครที่เขียนเมื่อตั้งแต่สมัยคุณตาคุณยายยังเด็ก แล้วมาใส่เรื่องความฝันและแพชชั่นเป็นติ่งย่อยลงไป ซึ่งทำมาแล้วขาด ๆ เกิน ๆ ยังไม่ค่อยสมูธลงตัวนัก ไม่มีอะไรชวนเชื่อสักเท่าไหร่ เพราะทั้งเรื่องเราถูกเน้นแต่ประเด็นความสัมพันธ์หรือความรักกุ๊กกิ๊กของเขาทั้งสองมากกว่าจะถูกเน้นเรื่อง their strong passion หรือถึงแม้จะมีฉากเข้าครัวทำอาหาร แต่ฉากเหล่านั้นเหมือนเน้นถ่ายภาพอาหารสวย ๆ ชวนมองเฉย ๆ มากกว่า (แถมยังไม่ทันมีอะไรชวนให้คนดูอย่างเราเชื่อหรือรู้สึกอร่อยไปกับนักแสดงด้วยอีก) ดังนั้นพอมาจบด้วยเรื่อง dream & passion อีก มันเลยไม่ทำให้เรารู้สึกอินกับบทสรุปของหนังอย่างที่ควร
แต่ก็พูดยาก เพราะเขาคงตั้งใจเน้นขายสาว ๆ ขายคนไทย ที่ชอบเสพความดราม่า พิสูจน์รักแท้ หนังรักปนมุกตลกบ้าน ๆ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่หรือกลุ่มลูกค้าของเขาอยู่แล้ว (อย่างที่ เชฟแทน หรือ กันต์ กันตถาวร ก็พูดใส่หน้าเรามาในหนังซีนหนึ่งแล้วด้วยนั่นแหละ) คือมันก็เต็มไปด้วยองค์ประกอบที่เราเชื่อว่าสาว ๆ หลายคนน่าจะชอบ (เช่น ดูแล้วก็อาจจะนึกถึงแฟนหรืออยากสะกิดแฟนว่า อยากได้แบบนี้บ้าง อยากไปที่นี่บ้าง ฯลฯ) แต่มันก็คงจะไม่ใช่อะไรที่สาว ๆ ทุกคนจะชอบ เพราะเราเป็นหนึ่งในคนนั้นแหละที่ไม่อินกับ 7 วันอันเวิ่นเว้อของผู้หญิงคนนี้กับผู้ชายทั้ง 8 จบ.
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 6/10
“7days เรารักกัน จันทร์-อาทิตย์” 19 กรกฎาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
30 comments
Comments are closed.