ถึงแม้เราจะเกิดไม่ทัน Star Wars ภาคแรกๆ และไม่เคยดู Star Wars ภาคใดใดมาก่อน คือไม่ใช่คอ Star Wars แต่เราก็รู้จักมักคุ้นกับดาบเลเซอร์, อัศวิน Jedi, หรือ Darth Vader มาแต่เด็ก (เออ นี่ก็เพิ่งรู้ไม่นานมานี้ว่ามันไม่ได้เขียนว่า Dark Vader) เพราะเห็นพวก geek ในหนังต่างๆ รวมถึงคนรอบตัวเราเป็นติ่ง Star Wars กันเยอะ
แล้วพอต้นปี 2015 เราก็ได้ทราบข่าวว่า Star Wars ภาค 7 หรือ The Force Awakens จะมาเข้าฉายช่วงปลายปี 2015 – เรา…ในฐานะ movie blogger สัมผัสได้ถึงภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ว่า ถึงแม้เราจะไม่เคยดูภาค 1-6 มาก่อน ยังไงเราก็ต้องไปดูภาค 7 เพื่อมาเขียนรีวิว
แต่หากครั้นเราจะไปดูภาค 7 โดยปราศจากความรู้ใดใดเกี่ยวกับภาคเก่าๆ เลย ก็คงจะดูหนังภาคใหม่ไม่อิน และดูไม่ professional เมื่อเรามาอัพบล็อกรีวิวภาค 7 ด้วย ดังนั้นเราจึงยอมลงทุนไปซื้อแผ่น DVD (แท้) จากร้าน Boomerang มาดูย้อนหลัง
- Star Wars: Episode I – The Phantom Menace (1999)
- Star Wars: Episode II – Attack of the Clones (2002)
- Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith (2005)
- Star Wars: Episode IV – A New Hope (1977)
- Star Wars: Episode V – The Empire Strikes Back (1980)
- Star Wars: Episode VI – Return of the Jedi (1983)
ยอมรับว่า ใช้เวลาในการดูภาค 1-6 ยาวนานมาก ประมาณครึ่งปีดีดัก (เฉลี่ย เดือนละแผ่น) เพราะเราดูแต่ละภาคแล้วมันไม่อิน เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง จับสาระแต่ละภาคไม่ค่อยจะได้ สิ่งที่จดจำได้ก็เห็นจะมีแต่
- Harrison Ford สมัยหนุ่มๆ หล่อมากกกกกก (ก.ไก่ 99 ล้านตัว)
- Natalie Portman สมัยเอ๊าะๆ ก็สวยตะลึงมาก (ก.ไก่ ล้านตัวถ้วน)
- Hayden Christensen หล่อมาก (ก.ไก่ เก้าแสนเก้าหมื่นตัว) จบ.
ซึ่งก็ไม่รู้เพราะนอนดูกับบ้านกับจอเล็กๆ รึเปล่าก็เลยไม่อินกับ Star Wars แต่ก็ไม่น่าจะเกี่ยวมั้ง เพราะปกติก็ใช้จอแค่นี้ดู Prison Break กับ Game of Thrones ซึ่งเป็นซีรีส์ที่เรารู้สึกว่า กูดูแผ่นนี้จบแล้ว กูต้องรีบอยากดูแผ่นต่อไปต่อเลยทันที (ไม่รู้หนังกับซีรีส์มันเปรียบเทียบกันได้รึเปล่า แต่ก็นั่นแหละ… ขอแค่เข้าใจพอยต์ที่เราจะสื่อก็พอละ อืม)
อย่างไรก็ตาม ได้ฟัง Youtuber ของคลิปนี้เค้าสรุปติวเข้ม Star Wars ให้ฟังทั้งหกภาค ก็สั้นและเข้าใจง่ายดีนะ บางทีก็รู้สึกว่าเข้าใจง่ายและประหยัดเวลากว่านั่งดูเองสักที (คิดดู ฉันใช้เวลาดูเองตั้งหกเดือน! แถมไม่เก๊ตอีกต่างหาก ตึง!) >>> https://www.youtube.com/embed/OfzurPaft9s
เรื่องย่อ Star Wars: The Force Awakens
ทั้ง The First Order (ปฐมภาคี – ฝ่ายอธรรม) กับ The Resistance (ฝ่ายต่อต้าน – ฝ่ายธรรมะ) ต่างก็ต้องการหาตัวเจไดคนสุดท้ายแห่งกาแล็กซี Luke Skywalker (Mark Hamill) ให้เจอก่อนอีกฝ่ายหนึ่ง
The Resistance ส่งนักบิน Poe Dameron (Oscar Isaac) กับดรอยด์สีส้มคู่ใจ BB-8 ไปดาว Jakku เพื่อเอาแผนที่ที่ซ่อนตัวของ Luke มาจากพันธมิตรท่านหนึ่ง แต่ Poe ถูกฝ่าย The First Order จับตัวไป ส่วน BB-8 กับแผนที่หลบหนีไปได้ และไปเจอกับ Rey (Daisy Ridley) สาวน้อยกำพร้าผู้เก็บเศษเหล็กขายประทังชีวิตไปวันๆ
Kylo Ren (Adam Driver) ลูกสมุนมือเอกของ Snoke (Andy Serkis) ใช้พลังจนล่วงรู้จากความทรงจำของ Poe ได้ว่าแผนที่อยู่กับเจ้าดรอยด์คู่ใจ Kylo Ren จึงส่งสมัครพรรคพวกไปตามจับ BB-8 ในขณะเดียวกัน Poe ก็ได้รับการช่วยเหลือจาก Stormtrooper รหัส FN-2187 หรือ Finn (John Boyega) จนหลบหนีจากการกักขังไปได้
Finn กลับไปรับ BB-8 แทน Poe จึงได้เจอกับ Rey และช่วยกันไม่ให้ Kylo Ren ได้แผนที่ไป ซึ่งระหว่างทางพวกเขาก็ได้เจอกับ Han Solo (Harrison Ford) กับ Chewy (Peter Mayhew) ในตำนาน และพวกเขาก็ขับยาน Falcon พา Rey, Finn, และ BB-8 ไปหาภรรยาของเขา… Princess or General Leia (Carrie Fisher) ผู้นำฝ่าย The Resistance เพื่อจะได้เอาแผนที่ไปตามหา Luke Skywalker ได้ทันท่วงที
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ Star Wars: The Force Awakens
โดยรวม เราชอบภาค The Force Awakens นี้มากกว่าภาคก่อนๆ เพราะมันเน้นพลังหญิงมากขึ้น มีตัวละครหลักเป็นหญิงแกร่ง (ที่ไม่ใช่ princess หรือ loyal) คือ Rey (Daisy Ridley) และในกองทัพต่างๆ ก็มีผู้หญิงเยอะขึ้น มีผู้หญิงเป็นนักบินไปออกรบด้วย คือไม่ใช่หนังชายล้วนแล้ว แถมผู้หญิงบางคนก็ได้เป็นตำแหน่งใหญ่ๆ อีกต่างหาก เช่น Captain Phasma (Gwendoline Christie) แห่งหน่วย Stormtrooper
นอกจากพลังหญิงแล้ว The Force Awakens ยังให้บทบาทความสำคัญกับคนผิวสีมากขึ้น อย่าง John Boyega ก็ได้รับบท Finn คนดี๊ดี คือหนังใหญ่น้อยเรื่องนะ ที่จะให้คนผิวสีเป็นพระเอกเด่นๆ เลยแบบนี้ (ถ้าไม่นับ Will Smith) ปกติในหนังใหญ่ทั่วไป คนผิวสีจะเป็นตัวประกอบหรือลิ่วล้อของตัวละครหลัก
เออ และนอกจาก John Boyega แล้ว ยังได้นักแสดงสาวผิวสีดาวรุ่งแห่งยุคอย่าง Lupita Nyong’o (จาก 12 Years a Slave) มารับบทเจ๊ Maz Kanata อีกด้วย (แต่แต่งนางด้วย CGI อีกทีนะ)
ในส่วนของ Cast อื่นๆ ส่วนใหญ่ก็จะเหมือนงานเลี้ยงรุ่นนักแสดงนำ Star Wars จากภาค 4-6 (รุ่น 1977-1983) ไม่ว่าจะเป็น Han Solo, Princess Leia, Luke Skywalker, R2-D2, และ C-3PO คือมากันครบ
แต่พวกเขาแค่ไม่ได้มาเต็มเหมือนภาคก่อนๆ เพราะตัวละครหลักในภาคนี้เป็นสองตัวละครใหม่และเป็นนักแสดง (ค่อนข้าง) ใหม่ นั่นก็คือ Rey (Daisy Ridley) กับ Finn (John Boyega) แทน
ซึ่งชมเลยว่า Daisy Ridley นางเจิดจรัสมาก เห็นในเทรลเลอร์ก็งั้นๆ แต่พอมาดูหนังตัวเต็มจริงๆ โอ้โห สวยแอนด์สตรองมาก อย่างฉากไคลแมกซ์ของเรื่องที่นางไฟต์กับตัวร้าย เราก็ชอบบบบบบส์ ให้นางขึ้นแท่นหนึ่งในนักแสดงดาวรุ่งหญิงยอดเยี่ยมแห่งปีได้เลย (อนาคตอาจมาโค่นพลังหญิงของ Katniss ก็ได้ ใครจะรู้)
ส่วน John Boyega ก็ทำได้ไม่เลวเลยเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบรัศมีกับ Daisy Ridley แล้ว งานนี้ขอชมและดัน Daisy Ridley ก่อนละกันค่ะ
แต่ตัวละครที่เราชอบมากที่สุดเป็นการส่วนตัวคือดรอยด์สีส้มกลมๆ กลิ้งได้ หรือเจ้า BB-8 โอยยย นางน่ารักมาก กรี๊ดนาง ตลกนาง เอ็นดูนาง อยากได้นางมาเป็นสัตว์เลี้ยง
คือเราว่าตอนภาคแรกๆ เราก็ชอบดรอยด์ R2-D2 พอตัวอยู่แล้วนะ แต่พอเจอ BB-8 เข้าไปนี่สิ ชอบ BB-8 มากกว่ามาก จะเอาๆๆๆ (ส่วน Jar Jar Binks คือใคร พี่ลืมไปนานแล้ว)
อย่างไรก็ตาม The Force Awakens ฉบับ J.J. Abrams ก็ไม่ได้ “โอ้! ว้าว!” อะไรมากสำหรับเรานะ เพราะเรารู้สึกว่าเรื่องราวมันคล้ายกับ Star Wars: Episode IV – A New Hope (1977) ฉบับ George Lucas ม้ากมาก คล้ายจนเหมือน paraphrase กันมายังไงยังงั้น ซึ่งมันก็เลยทำให้เดาเรื่องภาคนี้ค่อนข้างง่าย จุดที่ควรจะเซอร์ไพรส์ก็ไม่ค่อยเซอร์ไพรส์เท่าที่ควร
ขอยกตัวอย่างความเหมือน (ขอไม่เรียกว่าสปอยล์ เพราะมันก็เหมือนภาค 4 ของมันเองอยู่แล้วอะ เก๊ตปะ)
- BB-8 ก็คือ R2-D2 แต่แค่คนละสีคนละทรง และดูวิ่งไวกว่า มีชีวิตกว่า พูดง่ายๆ เป็น R2-D2 เวอร์ชั่นอัพเกรด ส่วนภารกิจของนางก็คล้ายๆ กัน เจ้านายซ่อนข้อมูลสำคัญไว้ให้นาง แล้วปล่อยนางไปเคว้งคว้างอยู่กลางทะเลทราย
- ดาวที่มีแต่ทะเลทราย ภาคนี้ชื่อ Jakku แต่ภาค 4 ชื่อ Tatooine
- ผู้ช่วยชีวิตดรอยด์น้อยภาคนี้คือสาวสวย Rey ซึ่งคาแรกเตอร์ แบ็คกราวนด์ และคอสตูมคล้ายๆ Luke Skywalker ในภาค 4 แต่ต่างกันนิดหน่อยตรงที่ตอนนั้น Luke อยากไปจากดาวดวงนี้ แต่ Rey ไม่เคยคิดอยากจากไปบ้านของเธอ
- เจได Luke Skywalker ในภาค 7 ก็มีปมและอะไรหลายๆ อย่างเหมือนอาจารย์เจได Obi-Wan ซึ่งเป็น mentor ของเขาในภาค 4 ที่ไปซ่อนตัวด้วยเหตุผลเดียวกัน
- ตัวร้ายในภาคนี้ Kylo Ren (หรือ Darth ซัมติง จำชื่อไม่ได้) ก็มีบทบาท มีปม มีแพชชั่น และใส่หน้ากากกับคอสตูมเหมือนๆ กับ Darth Vader เลย ต่างกันก็แค่ Kylo Ren ถอดหน้ากากโชว์หน้าหล่อๆ ที่แท้จริงได้บ่อยกว่า Darth Vader และมีกองทัพยังกับกองทัพนาซีของ Hitler
- Princess Leia กับ Han Solo นี่ก็ตลกดีมีเสน่ห์เหมือนเดิม คือโดยรวมสองคนนี้ก็เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือบุตรธิดาและความชราภาพ
ดังนั้นเราจึงค่อนข้างเฉยๆ กับเนื้อเรื่องอยู่ (เว้นแต่ส่วนที่เน้นพลังหญิง อันนี้ชอบ ให้ผ่าน) คือเหมือนดูภาค IV จริงๆ นะ แต่เป็น IV รุ่นใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้นตามกาลเวลา
เออ… พูดมาตั้งนานนี่ก็ลืมชม เราไปดู IMAX 3D ที่ Quartier Cineart มา ภาพและเสียงยิ่งใหญ่มาก งานเสียงหรือซาวนด์เอ็ฟเฟ็กต์เขาโดดเด่นจริง อันนี้ว่าไม่ได้ ยอมเขาเลย
แต่ในส่วนที่ “เคารพ” และ “ระลึก” ภาคเก่า (ไม่ใช่ paraphrase จากภาคเก่าแบบ bullets ข้างต้น) ก็ถือว่าทำได้ดีมากเลยทีเดียว ทั้ง objects เช่น หมากรุก หรือ quote คำพูดเด็ดๆ ที่ตราตรึง ฯลฯ เชื่อว่าคนที่เป็นสาวกคงจะฟินสมการรอคอย
อย่างในโรงที่เราดูเนี่ย บางคนถึงกรี๊ด โห่ร้องดีใจ หัวเราะชอบใจ และปรบมือยกใหญ่ (ทั้งๆ ที่เป็นโรงรอบทั่วไป ไม่ใช่รอบสื่อหรือรอบพิเศษ) คือแค่ชื่อ Lucasfilm กับชื่อ title หนังขึ้นจอ คนก็ปรบมือโห่ฮิ้วกันแล้ว ฉากเปิดตัว Han Solo กับดูโอ Chewy ก็เช่นกัน
โดยสรุป คะแนนตามความชอบส่วนตัว 8.5/10 สนุกดี สนุกมากเลยแหละ และขอบอกว่า เราชอบภาคนี้มากที่สุดในบรรดาทุกภาคที่ Star Wars มีมา ส่วนหนึ่งก็อาจจะเพราะว่าดูบนจอยักษ์ครั้งแรกก็ด้วย แต่ที่แน่ๆ เราชอบตรง Rey (Daisy Ridley) กับ BB-8 นี่แหละ ชนะเลิศ
เออ จบภาคนี้แล้ว ก็อยากดูภาค VIII ต่อทันทีเลยนะ เพราะมีบางจุดที่คั้นคันใคร่อยากจะรู้เดี๋ยวนี้ตอนนี้… แต่ภาคต่อมาปี 2017 นู่นแน่ะ ง่ออออว์~
Read More:
- สรุป ติวเข้ม Star Wars I-VI
- 20 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Star Wars
- Star Wars Characters That We Love, Then and Now
48 comments