ถ้าพูดถึงหนังแอนิเมชั่น สมัยนี้เรามักจะนึกถึง Disney กับ Pixar กันซะส่วนใหญ่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าค่าย DreamWorks ก็มีแอนิเมชั่นที่ดีมาก ๆ และครองใจใครหลาย ๆ คนมาตลอดทศวรรษที่ผ่านมา นั่นก็คือ How to Train Your Dragon ที่ตอนนี้เรื่องราวการผจญภัยของคู่หูต่างสายพันธุ์ ระหว่างหนุ่มน้อยไวกิ้ง Hiccup (Jay Baruchel) กับ Toothless มังกรเพลิงนิล (Night Fury) ได้เดินทางมาถึงบทสรุปของไตรภาค… ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่อยากให้มันจบเลยก็ตาม
ในภาคนี้ Hiccup ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่า Berg ซึ่งชาวบ้านทุกคนจะมีมังกรคู่ใจเหมือนเป็นสัตว์เลี้ยงอย่างน้อยครัวเรือนละหนึ่งตัว แต่ทีนี้นักล่ามังกร Grimmel (F. Murray Abraham จาก The Grand Budapest Hotel) ได้รู้ข่าวว่าโลกนี้ยังมีมังกรเพลิงนิลหลงเหลืออยู่กับชนเผ่า Berg อีกหนึ่งตัว เค้าจึงไปไล่ล่า Toothless ถึงที่ ทำให้ Hiccup ต้องพาชาวบ้านและมังกรทุกตัวหลบหนีอพยพไปที่อื่น โดยเป้าหมายปลายทางของ Hiccup คือ ไปตั้งรกรากใหม่ที่ The Hidden World ดินแดนลับแลที่มีมังกรอาศัยอยู่อย่างสงบสุข ตามที่พ่อของเขา (Gerard Butler จาก 300) เคยเล่าให้ฟังตั้งแต่ยังเด็ก
Hiccup กับ Toothless พบกับมังกรที่คล้าย Toothless อีกตัวหนึ่ง เป็นเพศเมียสีขาว ซึ่งต่อมา Astrid (America Ferrera) แฟนของ Hiccup ตั้งชื่อว่า เพลิงนวล (Light Fury) หนังก็จะมีซีนกุ๊กกิ๊กจีบกันระหว่างมังกรสองตัวให้ดูเยอะยิ่งกว่าเห็นซีนมนุษย์จีบกันแน่นอน แต่ทั้งนี้ หนังก็ไม่ได้ลดความน่ารักในส่วนของซีนความสัมพันธ์ระหว่างคนกับมังกรเลย เชื่อว่าหนังยังคงได้ใจแฟนหนังที่รักสัตว์หรือมีสัตว์เลี้ยงอยู่อย่างแน่นอน เพราะมีครบรสทั้งยิ้ม หัวเราะ และน้ำตาซึมเลยจริง ๆ
นอกจากนี้ เหมือนว่าหนังภาคนี้จะมีการกระจายบทให้ตัวละครสมทบอื่น ๆ มากขึ้น ทำให้หนังมีสีสันมากขึ้นและคนดูก็ได้เห็นคาแรกเตอร์ของคนอื่น ๆ ที่หลากหลายมากขึ้นนอกเหนือจากตัวละครเอก ตั้งแต่ Snotlout (Jonah Hill จาก The Wolf of Wall Street) เพื่อนร่วมรุ่นของ Hiccup ที่พยายามเอาชนะใจแม่ของ Hiccup (Cate Blanchett จาก Carol), ฝาแฝดสมองทึบ Ruffnut (Kristen Wiig จาก Ghostbusters) & Tuffnut (Justin Rupple), Eret เทพบุตรหล่อล่ำ (Kit Harington จาก Game of Thrones) และ Gobber (Craig Ferguson) ที่เสมือนเป็นตัวละคร LGBTQ ของเรื่องนี้ ซึ่งทุกคนก็อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขท่ามกลางความแตกต่างหลากหลายเหล่านี้เช่นกัน
ตัวร้ายของภาค อย่าง Grimmel ในเชิงสัญลักษณ์หรือในทางอ้อม เราจะถือว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่ภาคภูมิใจในสายเลือดบริสุทธิ์หรือเหยียดชาติพันธุ์ (racist) ก็เป็นได้ โดยหนังออกแบบให้ตัวละครมีผิวขาวและผมบลอนด์เหมือนตระกูล Malfoy ใน Harry Potter ประมาณนั้น แต่ก็ไม่ได้เป็นตัวร้ายที่โหดหรือน่ากลัวอะไรมากนัก เพราะมิเช่นนั้นหนังอาจจะรุนแรงไปหน่อยสำหรับเด็ก จะว่าไปประเด็นในหนังหลายอย่างก็ถือว่าค่อนข้างซับซ้อนขึ้นนะสำหรับเด็ก แต่คิดว่าเด็กเล็ก ๆ คงยังไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับประเด็นเหล่านั้นหรอก
โดยรวมเป็นแอนิเมชั่นที่สนุก ดูเพลิน และน่ารักโดนใจทาสแมว (หรือทาสหมา) เหมือนเดิม ถึงแม้ว่าจะมีช่วงกลางเรื่องหรือบางซีนที่เราก็รู้สึกเฉย ๆ อยู่บ้าง แต่มันไม่ได้แย่แต่ใดใด และสุดท้าย สิ่งที่ประทับใจเราที่สุดและทำให้เรารักหนังแฟรนไชส์นี้มากยิ่ง ๆ ขึ้นไป นั่นก็คือตอนจบของหนัง ที่เรามองว่ามันเป็นบทสรุปไตรภาคที่โคตรสมบูรณ์แบบและสวยงามที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้สำหรับแฟรนไชส์นี้
ก่อนมาดูคือยอมรับว่า “จะจบแล้วจริง ๆ หรอวะ ยังอยากให้ทำต่อไปเรื่อย ๆ” แต่พอดูจบ เรารู้สึกโอเค พอใจ เข้าใจ เร้าไม่มีเว้าวอนหรือเร้าหรืออยากให้มีภาคต่ออีกเลย เพราะคิดว่าจบแบบนี้คือดีแล้วจริง ๆ ดูจบแล้วมันให้ความรู้สึกที่มีความสุข อิ่มมาก ๆ ซึ่งตลอดทั้งสามภาค มันมีแต่ความทรงจำและความรู้สึกดี ๆ ที่เราได้รับ นั่นคือหนังและตัวละครทุกตัวได้ทำหน้าที่ก่อนจบและก่อนจากไปไว้ดีเพียงพอที่สุดแล้ว
หากในอนาคต ที่เราจะคิดถึง Hiccup กับ Toothless อีก (แน่นอนว่า มันต้องมีวันนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย) เราก็จะกลับมาหยิบแผ่นหรือเปิด Netflix แล้วกลับมาเยี่ยมพวกเขาอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกที่รัก ผูกพัน และคิดถึงพวกเขา สุดหัวใจ
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 8/10
33 comments
Comments are closed.