หลัง ๆ มานี้พวกเราจะคุ้นเคยกับหนังผีไทยแนว ๆ ลัดดาแลนด์, ชัตเตอร์, สี่แพร่ง, พี่มากพระโขนง, รวมถึง เพื่อน…ที่ระลึก ที่กำลังจะเข้าฉาย ซึ่งล้วนเป็นหนังผีที่ดูมีความอินเตอร์และประเด็นตามยุคสมัย ไม่ว่าจะความรักเอย ครอบครัวเอย หรือไม่ก็หนังผีตลกบ้าบอคอแตกไปเลยแบบพวกหอแต๋วแตก, บุปผาราตรี ฯลฯ
สมัยนี้พวกเราจะไม่ค่อยเจอหนังผีไทยโดยคนไทยที่จะมาขยี้อะไรกับความเชื่อเก่า ๆ ของคนไทยแล้วเท่าไหร่ แต่ในหนังเรื่อง Ghost House ซึ่งเป็นหนังผีศาลพระภูมิไทยในมุมมองของฝรั่ง จะมีสัญลักษณ์และบริบทเกี่ยวกับความเชื่อหรือวัฒนธรรมไทยซึ่งเป็นสิ่งที่ฝรั่งสนใจอยู่เยอะหน่อย โดยทั้งเรื่องถ่ายที่ประเทศไทย 100% มีลูกครึ่งไทย-แคนาดาแสดงนำด้วยหนึ่งคน เล่นเป็นไกด์
Ghost House เป็นเรื่องของคู่รักชาวอเมริกัน Jim (James Landry Hébert จาก Gangster Squad) กับ Julie (Scout Taylor-Compton จาก Halloween) ที่มาเที่ยวไทย แล้วมาได้เพื่อนใหม่ชาวบริติชชื่อ Robert (Russell Geoffrey Banks) กับ Billy (Rich Lee Gray) ซึ่งต่อมาพากันไปดูสุสานศาลพระภูมิที่นอกเมือง จนเกิดเรื่องขึ้น
เนื่องจาก Ghost House เป็นหนังทุนต่ำ โปรดักชั่นตามมีตามเกิด ทีมงานและนักแสดงก็ไม่ได้เบอร์ต้น ๆ ดังนั้นเราไม่อยากเอาเรื่องนี้เปรียบเทียบคุณภาพกับหนังฮอลลีวู้ดทั่วไป (ยิ่งกับของจักรวาล James Wan ยิ่งไม่ต้องพูดถึง) แต่ก็ขอชื่นชมในความพยายามและทะเยอทะยานที่จะเล่าเรื่องและถ่ายภาพ เช่น แม้หนังจะไม่มีช่องว่างของเรื่องให้ใส่ช้างใส่ลิง มันก็ยังใส่ช้างมาจนได้ (เข้าใจว่า ถ้าพูดถึงประเทศไทย ฝรั่งคงต้องนึกถึงช้าง)
ช่วงแรก ๆ เราเพลิดเพลินกับการทัวร์กรุงเทพฯ ทั้งในด้านความสวยงามและความไม่ดีงามของไทย ในมุมมองของฝรั่ง (ถึงแม้มันอาจจะเหมือนคลิป Vlog ฝรั่งพาเที่ยวไทยทั่วไป) ตั้งแต่สถานที่ท่องเที่ยว ทั้ง Cultural Tourism อย่างวัดวาอาราม และ Sex Tourism อย่างสถานเริงรมย์กลางคืน รวมถึงชอบที่เขาเล่าประเด็นยิบย่อยต่าง ๆ ที่เขาพบเจอจากการเที่ยวไทย ไม่ว่าจะเป็น การที่คนไทยชอบคิดราคากับนักท่องเที่ยวต่างชาติคูณสอง, การที่เมนูในร้านอาหารไม่มีภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างประเทศ, จนถึงความเชื่อเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติ ฯลฯ
แต่ถ้ามองในภาพรวม หนังมีความมั่ว ๆ นัว ๆ ทั้งการเล่าเรื่องและโลเกชั่น เช่น ตัวละครเอกเหมือนจะพักที่โรงแรมแถวราชดำริ ซึ่งค่อนข้างเจริญ แต่พอต้องไปโรงพยาบาลด่วน ก็ไปโผล่โรงพยาบาลไหนก็ไม่รู้ที่ดูเก่ามาก ๆ ก่อนจะขับรถลงเรือไปหาหมอผีแถวสังขละบุรี ซึ่งในชีวิตจริง การไปสะพานมอญกับวัดใต้บาดาลที่นั่นมันไม่ยากลำบากปานนั้นและไม่จำเป็นต้องผ่านน่านน้ำน่ากลัวอะไรเลย (ในหนังพานั่งเรือผ่านไปเจอพรายน้ำ…เจอแบบที่ไม่รู้จะเจอทำไม)
ในส่วนของความน่ากลัว สำหรับเรา เราไม่หลอนและไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวอะไรเลย เวลาผีออกมาแต่ละที เรากลับรู้สึกตลกผีมากกว่า ถ้ากลัวก็คงเป็นกลัวในลักษณะของการตกใจ เพราะผีมันตุ้งแช่ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อยู่นั่น เหมือนเกิดมาหลอกเป็นอยู่แค่แบบนี้ ถ้าถามว่าสนุกมั้ย เราว่าพอดูได้ แต่ไม่ดี ไม่สนุก คือมันน่าติดตามแค่ช่วงแรก ๆ ส่วนช่วงหลัง ๆ เริ่มไม่มีอะไรน่าสนใจละ น่าเบื่อ และเรื่อยเปื่อยไปหมด
การกำจัดผีก็มีทั้งสไตล์ฝรั่ง คล้าย ๆ จากเรื่อง It Follows และก็มีการกำจัดผีโดยเวทมนตร์ อาคม ไสยศาสตร์ หรือพ่อมดหมอผีแบบไทย ๆ ด้วย ซึ่งในหนังเขาก็บอกนะว่า ช่วยกำจัดผีได้ทั้งสองวิธีแหละ (แต่ในขณะที่ พระจะช่วยได้แค่ป้องกันหรือรักษาชั่วคราว และหมอในโรงพยาบาลนี่ช่วยอะไรไม่ได้เลย)
ผีในศาลพระภูมิในเรื่องเรียกว่า “วาตาเบ” ซึ่งแปลว่าอะไรก็ไม่รู้ หรือเป็นชื่อของผีผู้หญิงคนนั้นก่อนตายหรือยังไงก็ไม่แน่ใจ (ผีผู้หญิงคนนั้นเป็นคนญี่ปุ่นที่มาตายโหงที่ไทย) แต่เอาเป็นว่าหนังไม่ทำให้เราอินกับตำนานนั้น ไม่เข้าใจด้วยว่านางจะเกลียดผู้หญิงอะไรขนาดนั้นถึงต้องจ้องจะสิงแต่หญิงสาว (โดยส่วนตัว ถ้าเป็นผีไทย เราเองก็ไม่ชินกับการเข้าสิง ๆ ลักษณะนี้เท่าไหร่ด้วย มันดูเป็นผีฝรั่งไปนิดนึง)
เอาเป็นว่า สำหรับหนังเรื่องนี้ ถ้าให้เราบ่น หนังมันมีข้อที่ขัดใจเราให้เราบ่นได้แทบทุกซีนเลยแหละ แต่เราจะขอบ่นเบา ๆ แค่ประมาณนี้พอแล้ว มากกว่านี้เราก็กลัวจะเป็นการสปอยล์
เป็นหนังที่ไม่ต้องไปดูก็ได้ แต่เอาจริง ๆ ก็ ถ้าใครเงินเหลือและพอมีเวลาว่าง ก็อยากให้ลองไปดูเหมือนกันนะ เพราะพวกเราต่างก็มีศาลพระภูมิกันแทบทุกบ้าน ทุกออฟฟิศที่ทำงาน หรือแทบทุกที่ทำการที่ไป การได้ดูผีศาลไทยจากการตีความตามความเข้าใจของฝรั่ง มันก็น่าสนใจอยู่
เข้าฉาย 17 ส.ค. 2017 ในโรงภาพยนตร์
สำหรับเรา คะแนนตามความชอบส่วนตัว 5/10
37 comments
Comments are closed.