Venom: The Last Dance “สนุกกว่าสองภาคแรกรวมกัน” และสนุกกว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่/แอนตี้ฮีโร่ยุคหลัง ๆ หลาย ๆ เรื่อง
ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่ตัวเองพูดว่า “เฮ้ย… ชอบเวน่อมว่ะ” เหมือนกัน เพราะในสองภาคแรก เราเคยรีวิวไว้ว่า “ไม่แย่ แต่ก็ไม่น่าจดจำ” ณ ตอนที่เข้าไปดูภาค 3 ก็แทบไม่มีความจำใดใดจากภาคก่อน ๆ ติดหัวเข้าไปเลย แต่กลายเป็นมันเป็นฟินนาเล่ที่ฟินมาก และมีซีนน่าจดจำเยอะเฉยเลย เพราะแอ็คชั่นจัดหนักจัดเต็มสมศักดิ์ศรีปิดไตรภาค และซีนดราม่าส่งท้ายก็ซึ้งได้ใจไปอีก กลายเป็นหนังฮีโร่ที่ครบรส
เราคิดว่าภาคนี้มันสนุกขึ้นมาก ส่วนหนึ่งคือเพราะสเกลการต่อสู้มันใหญ่ขึ้น การเดินทางของพวกเขามันโหดขึ้น ทั้งต้องหลบหนีจากตำรวจ หน่วยพิเศษสหรัฐฯ แถมยังมีตัวร้ายบิ๊กเบิ้มจากนอกโลกซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ Venom มาตามไล่ล่าถึงดาวโลกอีกหลายตัว ซึ่งในภาคนี้ Venom กับ Eddie Brock (Tom Hardy จาก Mad Max: Fury Road) เขาซิงค์กัน 100% ทั้งกายใจกันแล้ว มันก็เลยแอ็คชั่นได้สุดกว่าที่เคย โดยเฉพาะองก์สุดท้าย ที่ทำถึงทำเกิน
แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้ภาคนี้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด คือ ผู้สร้างเขาคงรู้แล้วว่า จุดแข็งที่สุดของแฟรนไชส์นี้คือ “ความสัมพันธ์ของสองคู่หู” เขาก็เลยเอาวัตถุดิบตรงนี้มาใช้ ทั้งกับพาร์ทแอ็คชั่น คอเมดี้ โรแมนติก(?) และดราม่า ได้อย่างคุ้มค่าทุกนาที โดยไม่จำเป็นต้องไปขน “นักแสดงระดับ Oscar nominee มาเป็นเข่งแต่ใช้ไม่คุ้ม” อีกต่อไป
และภาคนี้ก็ดำเนินเรื่องในรูปแบบกึ่ง road movie ทำให้คนดูเข้าถึงความสัมพันธ์และการเติบโตของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง แถมยังมี Rhys Ifans (The Lizard หรือ Dr. Curt Connors จาก The Amazing Spider-Man จักรวาลของ Andrew Garfield) มาร่วมแจมด้วย
มันเลยรู้สึกว่า ถึงแม้หนังมันจะไม่เพอร์เฟ็กต์ แต่มันก็คอมพลีทในทุกมิติในฐานะภาคแห่งการ say goodbye for now จริง ๆ
Venom: The Last Dance เป็นหนังฮีโร่ที่สนุกครบรสอย่างไม่น่าเชื่อ เกินคาด (เช่น ตอนแรกคาดหวังจะเห็น Venom สิงสู่แค่ม้า แต่ปรากฏว่า นางไปสิงสู่สารพัดสัตว์) ต่อให้เป็นคนที่ไม่เคยดูภาคก่อนมาก่อนมาดูก็ดูรู้เรื่อง หรือต่อให้เป็นคนที่ไม่ชอบภาคเก่ามาก่อนมาดูก็พร้อมจะให้อภัย อย่างเรา… เราเคยคิดถึง Venom ว่า “ยังจะสร้างต่ออีกหรอ” แต่ทว่าตอนนี้ เรากลับพูดออกมาอย่างไม่อายว่า “ไม่อยากให้จบเลย”