Tron: Ares อาจไม่ใช่หนังที่ดี แต่เป็นหนังที่เราเอ็นจอยและตื่นตาตื่นใจกับ IMAX 3D ที่สุดนับจาก Avatar: The Way of Water
Joachim Rønning (ผู้กำกับ Pirates of the Caribbean: Dead Men Tell No Tales และ Maleficent: Mistress of Evil) ใช้ศักยภาพของ IMAX 3D ใช้ครบ ทั้งงานดนตรีประกอบ (scores) และงานภาพ (visual) เราชอบ World Building ในโลกของเกม รวมถึงการออกแบบซีนแฮ็คเข้าระบบหลังบ้าน และซีนขี่ซูเปอร์ไบค์ไล่ล่ากลางเมือง แค่นี้ก็รู้สึกคุ้มค่าแล้ว
ต้องยอมรับจากใจจริง ๆ เลยว่า งานดนตรีและภาพสามมิติที่ตระการตาทำให้เรารู้สึกว่าดูหนังสนุกขึ้นกว่าปกติ และ ณ ตอนนี้ เราเองก็ไม่แน่ใจเช่นกันว่า ถ้าเราไม่ได้ดู Tron: Ares ในโรง IMAX 3D เราจะรู้สึกว่าหนังสนุกแบบนี้อยู่มั้ย เพราะถ้าพูดตรง ๆ บทหนังยังไม่ค่อยน่าสนใจและตัวละครก็ค่อนข้างแบน
Tron: Ares อาจพยายามมี nostalgia ถึงภาคเก่าในยุค 80s และมีการพูดถึง pop culture ยุค 80s หลายครั้ง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทรีตเหมือน Tron: Legacy ของ Joseph Kosinski (ผู้กำกับ Top Gun: Maverick และ F1) ไม่เคยมีอยู่จริง แต่ข้อดีคือ ใคร ๆ ก็สามารถดู Tron: Ares ได้โดยไม่จำเป็นต้องดูภาคเก่ามาก่อน

ในภาคนี้ เป็นเรื่องราวของ Ares (Jared Leto จาก Suicide Squad) เอไอในเกมของบริษัท Dillinger ที่ CEO Julian Dillinger (Evan Peters จาก X-Men) สั่งมาให้ขโมย Permanence Code จาก Eve Kim (Greta Lee จาก Past Lives) CEO คนปัจจุบันของบริษัท ENCOM ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญ แต่เมื่อ Ares เจอกับ Eve Kim เขาเกิด “malfunction” มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและมีความคิดอยากเป็นมนุษย์
จะเห็นได้ว่า บท Tron: Ares เป็นไปตามสูตรสำเร็จ ไม่ได้มีอะไรใหม่ไปจากหนังหุ่นยนต์หรือเอไอที่เราคุ้นเคย อย่าง Terminator หรือ Frankenstein กับ Pinocchio เช่น การพยายามควบคุมเอไอ, ความเป็นนิรันดร์, ความหมายของการมีอยู่, เอไอมีความคิดความรู้สึกแบบมนุษย์, เอไออยากเป็นมนุษย์ หรือพล็อตพิน็อคคิโออยากเป็นมนุษย์ ซึ่งก็ช่วงย้วย ๆ น่าเบื่อบ้าง แต่ ด้วยความที่เราค่อนข้างเนิร์ดประมาณหนึ่ง และได้ดูหนังในโรง IMAX 3D ซึ่งงาน visual เขาทำถึง เราจึงรู้สึกจอยกับหนังพอสมควร
“The question is not whether the car should be built. The car is being built right now. The question is, who’s holding the keys?”