“จะ 30 แล้ว ชีวิตยังไม่ประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง” เหมือนจะเป็นปัญหาว้าวุ่นใจคนวัยทำงานมานานแล้ว ประมาณ 30 ปีที่แล้ว นักแต่งเพลง Jonathan Larson ถ่ายทอดเรื่องราวของเขาครั้งแรกผ่านละครเวทีมิวสิคัล “TICK, TICK…BOOM!” เกี่ยวกับการนับถอยหลังช่วงสุดท้ายของชีวิตวัย 20 something และพยายามประสบความสำเร็จก่อนจะถึงวันครบรอบวันเกิดปีที่ 30
TICK, TICK…BOOM! ในฉบับภาพยนตร์ Netflix เล่าตัดสลับไปมาระหว่างการเล่าเรื่อง (แบบกึ่งชีวประวัติ) ของ Jonathan Larson (Andrew Garfield ผู้เป็นที่รู้จักจาก The Amazing Spider-Man และเคยเข้าชิงออสการ์นักแสดงนำชายจาก Hacksaw Ridge) กับการแสดงโชว์เดี่ยวไมโครโฟนที่บอกเล่าเรื่องราวนั้นของเขา ซึ่งในพาร์ทนี้ เราชอบการเนื้อเพลง Therapy ที่เขาร้องคู่กับ Karessa (Vanessa Hudgens จาก High School Musical) บนเวทีกับการตัดสลับกับฉากที่เขาทะเลาะกับแฟนสาวในห้องมาก ๆ
ถึงแม้แฟนละครบรอดเวย์หลายคนจะรู้จัก Jonathan Larson ในฐานะนักแต่งเพลงที่ประสบความสำเร็จจากเรื่อง Rent แต่ก่อนหน้านั้น ชีวิตของเขาว่างเปล่าและสิ้นหวัง ถึงแม้เขาจะมีความสามารถแต่งานของเขาก็ขายไม่ได้ ละครดิสโธเปียของเขาถูกปฏิเสธเพราะมัน “เข้าถึงยาก” ไม่ใช่เพราะมันไม่ดี เขาจึงมีหนี้บิลมากมาย และต้องทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟควบคู่ไปกับการแต่งเพลง ที่เขากำลังประสบวิกฤต Writer’s block
ในขณะเดียวกัน เขาก็เริ่มมีปัญหากับ Susan (Alexandra Shipp จาก X-Men: Dark Phoenix) แฟนสาวนักเต้น ที่ต้องการไปเป็นครูสอนเต้นที่โรงเรียนนอกเมืองนิวยอร์ก เพื่อทำงานที่ทำเงินให้เธอจริง ๆ สักที และ Michael (Robin de Jesus) เพื่อนรักของเขา หลังจากที่ล้มเลิกความฝันที่จะเป็นนักแสดงแล้วมาทำงานนั่งโต๊ะในบริษัท ก็เริ่มมีฐานะมั่นคงมากพอที่จะซื้อรถ BMW และย้ายออกไปเช่าอพาร์ตเมนต์สุดหรูคนเดียวได้
อีกเหตุผลสำคัญที่ Jonathan Larson รู้สึกว่าตัวเองล้มเหลวและกำลังจะหมดเวลาทำตามความฝัน ก็คือ Stephen Sondheim (Bradley Whitford จาก Get Out) นักแต่งเพลงผู้ทรงอิทธิพลในวงการละครบรอดเวย์ และเป็นไอดอลของเขา ประสบความสำเร็จจาก West Side Story ตั้งแต่อายุเพียง 27 ปี ก่อนจะมีผลงานโดดเด่นตามมาอีกมากมาย เช่น Sweeney Todd, Into the Woods, ฯลฯ
กว่าเขาจะรู้ตัวว่า แต่ละคนมีพื้นฐานชีวิตแตกต่างกัน และกว่าจะค้นพบว่า เขาควรลองเขียนเกี่ยวกับอะไรที่ใกล้ตัวแทนที่จะเขียนอะไรที่ทะเยอทะยานที่ไกลตัว เขาก็อายุ 30 ปีได้แล้ว ในช่วงท้ายของหนัง ซึ่งเป็นช่วงประมาณปี 1990-1991 หนังพาเราไปพบกับแรงบันดาลใจที่ทำให้ Jonathan Larson เขียน Rent ซึ่งเป็นหนึ่งในละครบรอดเวย์ในตำนานแห่งยุค แต่เป็นเรื่องน่าเศร้า เขาไม่เคยได้อยู่ดูความสำเร็จนั้น เพราะเขา… ในปี 1996…. เสียชีวิตอย่างกะทันหันด้วยโรค aortic aneurysm ในเช้าของวันพรีเมียร์หรือวันแรกของการแสดงเรื่อง Rent ด้วยวัยเพียง 35 ปี
ถึงแม้ตัว Jonathan Larson เอง ก่อนตาย อาจจะไม่รู้สึกว่าตัวเองได้สัมผัสหรือลิ้มรสชาติ “ความสำเร็จ” ที่เขาวาดฝันจริง ๆ เลย มิหนำซ้ำ ระหว่างทางเขาต้องเกือบสูญเสียโอกาสที่จะรักษาคนสำคัญในชีวิตไว้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดี การสำเร็จช้า หรือต่อให้ไม่มีอะไรเลย มันก็ไม่ได้แปลว่าเขาล้มเหลวในชีวิต
เราว่าเขายังมีความโชคดี ที่อย่างน้อยที่สุด ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขายืนหยัดที่จะเดินตามความฝัน และเลือกทำสิ่งที่เขารัก จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต เราคิดว่า นั่นคือความสำเร็จรูปแบบหนึ่งของคนคนนึงที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้ และเป็นความสำเร็จที่สำคัญยิ่งกว่าการมีชื่อเสียงหรือเงินทองมากมายเสียอีก