KWANMANIE
  • Home
  • Courses
    • All Courses
    • Essay Course for Admissions
    • Private Essay Course
    • SOP & Essay Editing Service
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
      • Self Improvement Books
      • Relationship Books
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
    • How to Write a Statement of Purpose (SOP)
    • English Writing
    • General
  • About Me
    • Where to Find Me
Follow
  • Facebook
  • Twitter
  • Instagram
  • Pinterest
  • YouTube
Social Links
Instagram 5K Follow
Twitter 11K Follow
Facebook 10K Like
YouTube 7K Subscribe
TikTok
KWANMANIE
Follow
Follow
Like
Subscribe
KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
  • About Me
    • Where to Find Me
  • Self Improvement Books
  • Relationship Books
  • Films
  • Movie Reviews

รีวิว The Last Duel: เพราะเป็นหญิง จึงเจ็บปวด

  • November 6, 2021
  • kwanmanie
Total
1
Shares
1
0
0

หนังสร้างจากเรื่องจริง กำกับและเขียนบทโดยเจ้าของรางวัลออสการ์

เชื่อว่านักดูหนังทั้งยุคเก่าและยุคใหม่ทุกคนล้วนเคยดูหนังของ Ridley Scott ผู้กำกับวัย 83 ปี เจ้าของผลงานชื่อดังมากมาย เช่น Blade Runner, Gladiator, Hannibal, Kingdom of Heaven, Robin Hood, Prometheus, Exodus: Gods and Kings, The Martian, Alien: Covenant, All the Money in the World ฯลฯ แต่คิดว่า คนรุ่นหลัง ๆ หลายคน อาจจะไม่รู้ว่า คู่หูสองพระเอกดังอย่าง Matt Damon กับ Ben Affleck เป็นมือเขียนบทที่เก่งมากถึงขั้นได้ออสการ์บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเรื่อง Good Will Hunting (ปี 1997)

และในปี 2021 เราได้ชมผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของปู่ Ridley Scott เรื่อง The Last Duel ที่มีความ #MeToo ดัดแปลงจาก หนังสือ The Last Duel: A True Story of Trial By Combat in Medieval France (ปี 2004) ของ Eric Jager ซึ่งเล่าเรื่อง “The last judicial duel in France” — เหตุการณ์จริง “คดีสไควร์ข่มขืนเลดี้เมียอัศวิน” ช่วงปลายศตวรรษที่ 14 ของฝรั่งเศส ในรัชสมัยของ King Charles VI หรือ Charles the Mad (รับบทโดย Alex Lawther จาก The End of the F***ing World) โดยฉบับภาพยนตร์นี้ Matt Damon กับ Ben Affleck ร่วมเขียนบทในพาร์ทผู้ชายหรือผู้กระทำ และได้ Nicole Holofcener (นักเขียนบทหญิงผู้เคยเข้าชิงออสการ์จากงานเขียนบทเรื่อง Can You Ever Forgive Me?) มาร่วมเขียนบทในพาร์ทผู้หญิงหรือผู้ถูกกระทำ

My father told me my life would be blessed with good fortune. I’m married. I was a good wife. And then I was judged and shammed by my country.

เรื่องย่อ The Last Duel

The Last Duel เล่าเรื่องเดียวกันจากมุมมองของตัวละครต่าง ๆ คล้าย Rashomon หรืออุโมงค์ผาเมือง โดยแบ่งการเล่าเรื่องเป็น 3 องก์ ก่อนจะไปผนวกจบที่ฉากประลองของ Jean และ Jacques ในเดือน ธ.ค. ปี 1386 ซึ่งถือเป็นฉากต่อสู้ที่ให้ความรู้สึกสด ดิบ และตื่นเต้นสมศักดิ์ศรี Ridley Scott จริง ๆ

  • องก์แรก เล่าจากมุมมองของ Sir Jean de Carrouges (Matt Damon จาก Jason Bourne, The Martian ฯลฯ) ซึ่งเป็นอัศวินตกอับและเป็นสามีของเหยื่อ
  • องก์สอง เล่าจากมุมมองของ Jacques Le Gris (Adam Driver จาก Star Wars, Marriage Story ฯลฯ) ซึ่งเป็นสไควร์หนุ่มหล่อ คนโปรดของ Count Pierre d’Alençon (Ben Affleck จาก Gone Girl, Batman v Superman, ฯลฯ) และเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าข่มขืนเมียเพื่อน
  • และองก์สาม เล่าจากมุมมองของ Lady Marguerite (Jodie Comer จาก Free Guy) ซึ่งเป็นเหยื่อ

“One of us has lied. Let us let God decide.”

“The last judicial duel in France”

เพราะเป็นหญิง (ในยุคชายเป็นใหญ่) จึงเจ็บปวด

ยุคสมัยนั้นเป็นยุคแห่ง male privilege และผู้หญิงแทบไม่มีสิทธิมีเสียงอะไรเลย ชีวิตขึ้นอยู่กับพ่อและของสามีล้วน ๆ ขนาดตัวเองถูกข่มขืน ก็ฟ้องร้องเอาความไม่ได้ถ้าสามีไม่ดำเนินเรื่อง เพราะตลกร้าย… กฎหมายในสมัยนั้นมองว่า การข่มขืนไม่นับเป็นอาชญากรรมที่ล่วงเกินผู้หญิง แต่อาจพิจารณาว่าเป็นอาชญากรรมล่วงเกินทรัพย์สมบัติและเกียรติยศของผู้ชายผู้เป็นสามีได้ นอกจากนี้ วิทยาศาสตร์ในสมัยนั้นยังกล่าวอีกว่า การข่มขืนไม่สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ เพราะการตั้งครรภ์ต้องเกิดจากการสมยอมและการสำเร็จความใคร่ทั้งสองฝ่าย ดังนั้น พอ Marguerite ท้องทันทีหลังจากถูกข่มขืน และไม่เคยท้องมาก่อนเลยในระยะเวลาที่แต่งงานมา 5 ปี มันทำให้คนอื่นเชื่อว่า เรื่องระหว่างเธอกับ Jacques Le Gris มันคือ consent — ไม่ใช่การข่มขืน —

เมื่อกระบวนการพิสูจน์ทางกฎหมายและวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ยังไม่ก้าวหน้ามากพอ ระบบความยุติธรรมซึ่งมีความเป็นธรรมอยู่น้อยนิดอยู่แล้วก็ยิ่งมีความหวังริบหรี่ลงไปอีกสำหรับผู้หญิง… ผู้ที่ความคิด ความรู้สึก และคำพูดไม่เคยได้รับความสำคัญ… เมื่อแต่ละฝ่ายให้การย้อนแย้งกัน พยานและหลักฐานก็ไม่มี พวกผู้ชายจึงเลือก “การดวล” โดยบอกว่า พระเจ้าจะตัดสินโทษผู้กระทำผิดเอง หมายความว่า ถ้าสามีของ Marguerite พ่ายจนถึงแก่ความตายในการประลอง ไม่ว่าจะเพราะเขาแก่ เขาไม่เก่ง หรือเขาอะไรก็ตามแต่ Marguerite ก็จะถูกตัดสินว่า “โกหกเรื่องถูกข่มขืน” โดยปริยาย แล้วก็ต้องรับโทษโดยการถูกจับเปลือยและเผาทั้งเป็นต่อหน้าสาธารณชน และ Jacques Le Gris ที่สู้ชนะ ก็กลายเป็นผู้ไร้มลทินมัวหมองโดยทันที (ใช่ค่ะ… คนยุคปัจจุบันดูแล้วอาจจะรู้สึกหงุดหงิดตลอดเรื่องกับกระบวนการและชุดความคิดต่าง ๆ ของคนในยุคสมัยนั้น)

มันเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจ ทั้งที่ผู้หญิงอย่าง Marguerite ก็มีความรู้ความสามารถ อ่านออกเขียนได้ (ในขณะที่สามีอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้) และช่วยบริหารจัดการธุรกิจในครัวเรือนได้ไร้ที่ติในยามที่สามีไปทำศึกสงคราม แต่สุดท้าย ก็ไม่มีใครมองเห็นความดีงามนั้น ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองสักอย่าง โลกทั้งใบยังคงหมุนรอบตัวสามี… เพราะสามี… เพื่อสามี… โดยสามี จึงไม่แปลกใจ ถ้าผู้หญิงสมัยนั้นจะอยากมีลูก โดยเฉพาะลูกชาย เสียเหลือเกิน เพราะอย่างน้อย เธอก็ได้รู้สึกว่ามีอะไรของตัวเองบ้าง (แม้กฎหมายจะเขียนว่าอย่างไรก็ตามแต่) และลูกอาจเป็นอำนาจวาสนาของเธอ… ตามที่หนังก็ขึ้นในตอนจบว่า หลังจากสามีตาย Marguerite ก็ไม่แต่งงานใหม่อีกเลย ก็อยู่กับลูกชายและทรัพย์สมบัติของสามี ซึ่งถ้าเป็นเรา เราก็คงอยู่อย่างนั้นเช่นกัน ไม่อยากแต่งงานใหม่ให้ชีวิตไร้อิสรภาพแถมยังถูกสามีกดขี่อีก

เหนือสิ่งอื่นใด ต้องคารวะ Jodie Comer ที่ถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของผู้หญิงในยุคชายเป็นใหญ่ได้อย่างยอดเยี่ยม เธอคือดาวเด่นของหนังเรื่องนี้ และควรค่าแก่การถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ ในขณะเดียวกัน ตัวละครหญิงตัวอื่น ๆ ก็มีบทบาทในการถ่ายทอด “คิด/รู้สึกแต่พูด/ทำ/หรือแสดงออกไม่ได้” โดยเฉพาะแม่สามีของ Marguerite ที่เป็นตัวแทนของผู้หญิงส่วนใหญ่ในสังคมยุคนั้น ที่แม้ว่าจะถูกกระทำย่ำยีแค่ไหน ก็ยังเลือก “be silent” และบอกว่าตัวเอง “อยู่เป็น” เพื่อรักษาชีวิต รวมถึงหน้าตา ของตัวเองและของครอบครัวไว้

“The truth does not matter, there is only the power of men.”

“The World of Men”

ใครพูดความจริง?

ถ้าอ่านถึงตรงนี้… แล้วคุณรอดูความคิดเห็นของเราว่า “ใครพูดความจริง: Jean, Jacques, หรือ Marguerite“ เราต้องบอกก่อนว่า เราไม่มีทางรู้หรอกว่าอะไรคือความจริง เพราะขนาดคนที่อยู่ ณ เวลานั้น ณ ที่นั้นจริง ๆ เขายังไม่รู้เลย แล้วยิ่งพวกเรามาตามอ่านย้อนหลังหลายร้อยปี เรื่องราวก็ถูกเล่าต่อหรือบันทึกโดยผู้มีอำนาจเท่านั้นแหละ (พนันได้ว่าเป็นผู้ชาย) และเราก็เพิ่งได้รับสารจากแหล่งเดียว นั่นคือหนังเรื่องนี้

แต่ถ้าถามจริง ๆ ตอนนี้เราเลือกที่จะเชื่อว่า Marguerite ถูกข่มขืนจริง เพราะถ้ามันไม่เกิดขึ้นจริง เธอคงไม่กล้าพูดออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลายุคนั้น แม้แต่ตัวหนังเองก็ขึ้นตัวหนังสือตอนเปิดองก์ของ Marguerite แค่คำว่า “The Truth” (หลังจากขึ้นคำว่า “The Truth According to Marguerite de Carrouges” ไปแล้ว ก็ตัดคำอื่นออก เหลือแต่คำว่า “The Truth” เน้น ๆ) ในขณะที่องก์ก่อน ๆ ก็ขึ้นแค่คำว่า “The Truth According to คนนั้น…”, “The Truth According to คนนี้…” เท่านั้น

ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่เราเลือกเชื่อ Marguerite มันไม่ได้หมายความว่า เราตัดสินว่าคนอื่นโกหก เราเข้าใจว่าแต่ละคนก็คงพูดความจริง “ในมุมมองหรือความคิดของเขา” นั่นแหละ เช่น Jean ก็คงคิดจริง ๆ แหละว่าเขาเป็นสามีที่ดี ทำทุกอย่างเพื่อเมีย หาใช่เพื่อตัวเองเลย รักและเทินทูนเมียมาก อย่างน้อยก็คือรักในแบบฉบับของเขา หรืออย่างน้อยก็บนบรรทัดฐานของผู้ชายทั่วไปในสมัยนั้น ส่วน Jacques เขาก็คงเชื่อจริง ๆ แหละว่า Marguerite มีใจให้เขา และยินยอมมี sex กับเขา แต่อาจจะเป็นเพราะความหลงตัวเองหรือคิดไปเอง หรืออย่างไรก็ตามแต่ มันก็คือความจริงตามความคิด ความรู้สึก และความเข้าใจของเขา

“I WILL NOT BE SILENT!”

สรุป

โดยสรุป The Last Duel เป็นหนังเฟมินิสต์ ยาว 2 ช.ม. ครึ่ง แต่เล่าเรื่องเดียวกันจาก 3 มุมมอง จึงไม่ได้รู้สึกยาวมาก ถือเป็นผลงานการกำกับที่ดีของผู้กำกับในตำนานอย่าง Ridley Scott (ไม่ใช่ว่าหนังทุกเรื่องของเขาจะดี เข้าใจมะ) ผลงานการเขียนบทที่เกิดจากการร่วมมือกันของ Matt Damon, Ben Affleck, และ Nicole Holofcener ก็จัดว่าดี ทำให้เราได้เข้าใจ “ความจริง” ลึกซึ้งมากขึ้น แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการแสดงของนักแสดงหญิงดาวรุ่ง Jodie Comer ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้หญิงผู้ถูกกระทำในสังคมชายเป็นใหญ่ได้อย่างยอดเยี่ยม ฉากประลองซึ่งเป็นไคลแมกซ์ก็เดือดสมการรอคอยและน่าจดจำ

อ่านเพิ่มเติม

  • The Woman in Black By Eric Jager
  • The Last Duel: Historical Accuracy (Q&A)

Share this:

  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)

Related

Total
1
Shares
Share 1
Tweet 0
kwanmanie

Movie Blogger | Essay Tutor

Trending Posts
  • รีวิว & สปอยล์ The Power of the Dog
    รีวิว & สปอยล์ The Power of the Dog
  • สรุปหนังสือ MANIFEST: 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา
    สรุปหนังสือ MANIFEST: 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา
  • Homepage
    Homepage
  • รีวิว 28 Years Later: 28 ปีให้หลัง ซอมบี้ XวE ใหญ่กว่าเดิม
    รีวิว 28 Years Later: 28 ปีให้หลัง ซอมบี้ XวE ใหญ่กว่าเดิม
  • รีวิวหนังสือ Manifest: Dive Deeper พร้อมเปรียบเทียบกับ Manifest
    รีวิวหนังสือ Manifest: Dive Deeper พร้อมเปรียบเทียบกับ Manifest
Follow Me
  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
Contact
Bangkok, Thailand
LINE ID: @kwanmanie
kwanmanieisworking@gmail.com
ABOUT KWANMANIE

ขวัญ จบอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เป็นบล็อกเกอร์ ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ ซื้อกระเป๋า เลี้ยงแมว เลี้ยงต้นไม้ และเป็นติวเตอร์ เน้นสอน Essay Writing

KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
  • Books
  • Lifestyle & Perspective
  • Study
  • About Me
Movie Blogger | Essay Tutor

Input your search keywords and press Enter.