KWANMANIE
  • Home
  • Courses
    • All Courses
    • Essay Course for Admissions
    • Private Essay Course
    • SOP & Essay Editing Service
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
      • Self Improvement Books
      • Relationship Books
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
    • How to Write a Statement of Purpose (SOP)
    • English Writing
    • General
  • About Me
    • Where to Find Me
Follow
  • Facebook
  • Twitter
  • Instagram
  • Pinterest
  • YouTube
Social Links
Instagram 5K Follow
Twitter 11K Follow
Facebook 10K Like
YouTube 7K Subscribe
TikTok
KWANMANIE
Follow
Follow
Like
Subscribe
KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
  • About Me
    • Where to Find Me
  • Self Improvement Books
  • Relationship Books
  • Movie Reviews
  • Series

รีวิว Move to Heaven: การย้ายบ้านครั้งสุดท้าย

  • May 31, 2021
  • kwanmanie
Total
0
Shares
0
0
0

Move to Heaven (무브 투 헤븐) ซีรีส์เกาหลี 10 ตอนจบจาก Netflix เพิ่งปล่อยสตรีมเมื่อกลางเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา และเป็นที่กล่าวถึงในหมู่คอซีรีส์และผู้ชมที่ชื่นชอบแนวดราม่า เราอาจจะเริ่มดู Move to Heaven ช้าไปหน่อย และไม่ค่อยอินมากเท่าไหร่ เพราะไม่ใช่คอหนัง/ซีรีส์แนวดราม่าแบบนี้ แต่ยอมรับว่า Move to Heaven เป็นซีรีส์น้ำดีแห่งปีของ Netflix

เรื่องราวของ Move to Heaven ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรียงความ “Things Left Behind” ของ Kim Sae-byul ซึ่งมีอาชีพเป็นคนทำความสะอาดและเก็บกวาดข้าวของของผู้เสียชีวิต เช่นเดียวกับกลุ่มตัวละครเอกในซีรีส์ คนไทยอย่างเรา ๆ อาจจะยังไม่ค่อยคุ้นชินกับอาชีพลักษณะนี้ แต่เกาหลีไม่ได้มีสถาบันครอบครัวที่เป็นครอบครัวขยายหรือครอบครัวใหญ่เท่าบ้านเรา และด้วยปัจจัยหลายอย่าง พวกเขาต้องแยกกันอยู่ และอยู่คนเดียวในห้องเล็ก ๆ

ในซีรีส์ Move to Heaven ตัวละครเอกคือ Geu-Roo (Tang Joon-sang น้องเล็กในแก๊งทหารเกาหลีเหนือจาก Crash Landing on You) เด็กหนุ่มวัย 20 ปี และเป็น Aspergers Syndrome (คล้าย ๆ ออทิสติก) ทำธุรกิจเก็บกวาดที่เกิดเหตุร่วมกันกับพ่อ (Jin-hee Ji จาก The Great Jang-Geum) แต่หลังจากพ่อเสียชีวิต ทนายก็ส่งอา Sang-Koo (Lee Jehoon จาก Taxi Driver) ที่เพิ่งออกจากคุก มาเป็นผู้ปกครองและเป็นลูกทีมแทนพ่อ โดยมี Yoon Na-mu (Hong Seung-hee จาก Navillera) เพื่อนบ้านและเพื่อนคนเดียวของ Geu-Roo คอยช่วยอีกแรง

ในแต่ละ episode เราจะได้ตามคู่อาหลาน (ยกเว้น ep.1 ที่ยังเป็นคู่พ่อลูก) ไปเก็บกวาดห้องของผู้เสียชีวิตเป็น episode ละจ็อบ ๆ ไป โดยแต่ละจ็อบ เราจะได้ทำความรู้จักและรับรู้เรื่องราวของผู้ตายจากข้าวของในห้องของเขา อีกทั้ง มันจะเหมือนเราได้ไขปริศนาว่า ผู้ตายต้องการจะบอกอะไรกับคนที่อยู่จากข้าวของเหล่านั้น (ไม่มีผีนะ บอกก่อน) ซึ่งมันก็จะมีมุมที่เราอาจคาดไม่ถึง ความซาบซึ้ง หรือความประทับใจที่เรียกน้ำตาคนดูได้ไม่มากก็น้อย แต่ที่แน่ ๆ ในทุก ๆ จ็อบที่ไป ตัวละครอาหลานจะได้เติบโตและเข้าใจชีวิตมากขึ้นจากผู้ล่วงลับ

โดยส่วนตัว เราไม่ได้ร้องไห้และรู้สึกว่าซีรีส์จงใจพยายามดึงดราม่ามากเกินไปหน่อย แต่ก็เห็นถึงความสวยงามและความตั้งใจที่จะถ่ายทอดประเด็นต่าง ๆ ซึ่งใน season 1 นี้ ซีรีส์เขาพยายามสะท้อนและแตะประเด็นสังคมรอบด้าน ตั้งแต่ให้ตัวเอก “แตกต่าง” จากตัวเอกที่เราพบเห็นได้ทั่วไป จนไปถึงประเด็นครอบครัว, การใช้แรงงาน, ความไม่เท่าเทียมของรายได้, การทำร้ายร่างกายผู้หญิง, LGBTQs, ผู้สูงอายุ, เด็กกำพร้า ฯลฯ นอกจากนี้ก็มี subplot เกี่ยวกับอดีตของคุณอา ได้แก่ สาเหตุที่เขาต้องเข้าคุก และความสัมพันธ์ของเขากับพี่ชาย (พ่อของ Geu-Roo)

ซีรีส์เหมือนจะเปิดทางให้ปมความรักหรือโรแมนติกหลายคู่ แต่ก็ไม่ได้ไปต่อและจบแบบไม่มีอะไรคืบหน้าสักคู่ (ไม่รู้จะไปต่อกันภาคหน้าหรือเปล่า) แต่สิ่งที่ซีรีส์โฟกัสและทำได้อย่างน่าสนใจคือพัฒนาการทางความสัมพันธ์ของคู่อาหลาน ที่ทำให้เราหลงรัก อยากเอาใจช่วยให้อาได้รับการยอมรับและสอบผ่านกับการเป็นผู้ปกครองฝึกหัดของ Geu-Roo

ไม่ว่าจะอย่างไร การแสดงของนักแสดงทั้งสองที่รับบทอาหลานนั้นสอบผ่านแน่นอน โดยเฉพาะ Tang Joon-sang ที่รับบทเป็น Geu-Roo ซึ่งเราเชื่อว่า บท Aspergers Syndrome นี้อาจส่งให้เขาได้รับ (หรืออย่างน้อยก็ต้องได้เข้าชิง) รางวัล Baeksang ตามรอยรุ่นพี่ Oh Jeong-Se ที่รับบทเป็นคนออทิสติกใน It’s Okay to Not Be Okay ทั้งนี้ เพราะมันเป็นบทที่ท้าทายความสามารถของนักแสดงอย่างมากและคว้าใจคนดูได้อยู่หมัด (แต่ Tang Joon-sang อาจได้เข้าชิงแค่สาขานักแสดงดาวรุ่งชาย สาขาเดียวกับ Lee Do-Hyun จาก 18 Again)

โดยสรุป เราอาจไม่ได้หลงรักในเรื่องราวอันแสนดราม่าของ Move to Heaven เท่ากับที่เราหลงรักในตัวละครอันเต็มไปด้วยบาดแผลของเขา แต่เราก็ไม่ปฏิเสธที่จะเชียร์ให้ Move to Heaven ซีรีส์ออริจินัล Netflix เป็นซีรีส์ที่ควรดูและควรค่าแก่การเข้าชิงรางวัลในหลาย ๆ สาขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคุณเป็นสายซีรีส์ดราม่าหรืออินกับเรื่องราวแนวครอบครัวอยู่แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่ดูซีรีส์เรื่องนี้ ยกเว้นเสียว่า… คุณจะไม่อยากร้องไห้หรือคิดถึงคนในครอบครัวของคุณ…

Share this:

  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)

Related

Total
0
Shares
Share 0
Tweet 0
kwanmanie

Movie Blogger | Essay Tutor

Trending Posts
  • รีวิว Mothers' Instinct: สันดานแม่
    รีวิว Mothers' Instinct: สันดานแม่
  • Homepage
    Homepage
  • สรุปหนังสือ MANIFEST: 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา
    สรุปหนังสือ MANIFEST: 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา
  • รีวิว Bones and All: มนุษย์กินคนก็มีหัวใจ
    รีวิว Bones and All: มนุษย์กินคนก็มีหัวใจ
  • รีวิว Little Women: สี่ดรุณี
    รีวิว Little Women: สี่ดรุณี
Follow Me
  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
Contact
Bangkok, Thailand
LINE ID: @kwanmanie
kwanmanieisworking@gmail.com
ABOUT KWANMANIE

ขวัญ จบอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เป็นบล็อกเกอร์ ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ ซื้อกระเป๋า เลี้ยงแมว เลี้ยงต้นไม้ และเป็นติวเตอร์ เน้นสอน Essay Writing

KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
  • Books
  • Lifestyle & Perspective
  • Study
  • About Me
Movie Blogger | Essay Tutor

Input your search keywords and press Enter.