May December ของ Todd Haynes ผู้กำกับ Carol ไม่ใช่แค่หนังที่ประชันตัวแม่ (Natalie Portman vs. Julianne Moore) แต่เป็นหนังที่ “บท” เด่นมาก บทดีสมดีกรีชิงออสการ์บทดั้งเดิมยอดเยี่ยม โดยเรื่องราวในหนังดัดแปลงจากเรื่องจริงสุดอื้อฉาวของครูวัย 30+ ที่ถูกจับข้อหาข่มขืนนักเรียนม.ต้น
สำหรับในหนัง เราจะได้เรียนรู้และติดตามเรื่องราว “รักต้องห้าม” นี้ผ่านตัวละคร Elizabeth (Natalie Portman จาก Jackie) นักแสดงหญิงที่มาทำรีเซิชสำหรับหนังใหม่ที่เธอต้องรับบทเป็น Gracie (Julianne Moore จาก Still Alice) หญิงกลางคนที่เคยถูกจับข้อหากระทำอนาจาร Joe เด็กชายวัย 12 ปี โดยหลังออกจากคุก เธอก็แต่งงานและอยู่กินด้วยกันจนถึงปัจจุบันที่เด็กคนนั้นเติบโตเป็นชายหนุ่มวัย 36 ปี (Charles Melton จาก Riverdale) ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 3 คน คนโตเรียนมหา’ลัย สองคนเล็กเป็นแฝดชายหญิงที่กำลังจะจบไฮสคูล
ตลอดเรื่องเราได้เป็นคนนอกที่ได้นั่งติดตามเรื่องราวของครอบครัวนี้อย่างใกล้ชิด ความสนุกคือ เราจะได้ใช้สมองตีความและขบคิดตามทุกฉาก ยกตัวอย่างเช่น ในขณะที่คนทั่วไปอาจมองว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง Gracie กับ Joe มันวิปริต แต่พวกเขาก็มองว่ามันคือความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเรื่องราวของ Gracie กับ Joe ถูกนำเสนอผ่านสื่ออย่างข่าวแท็บลอยด์และภาพยนตร์ ซึ่งอาจมีการแต่งเติม ใส่สีตีไข่ หรือบิดเบือนความจริง เพื่อเพิ่มอรรถรสกับคนดูและแสวงหาผลประโยชน์ต่าง ๆ ดังนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบ เราไม่อาจสรุป ตัดสิน หรือหยั่งรู้ได้เลยว่า อะไรจริง อะไรไม่จริง
ในหนัง มีกระจกเป็นสัญลักษณ์อยู่หลายซีนการประชันกันของ Elizabeth กับ Gracie โดยเฉพาะฉากที่ลูกสาวของ Gracie กำลังลองชุดที่ร้านแห่งหนึ่ง คนดูจะเหมือนได้นั่งตรงข้ามกับพวกเขา เราจะเหมือนเห็นหนึ่งตัวละครนั้นมีสองคน (คนนึงคือตัวจริง อีกคนคือเงาสะท้อนของกระจก) รวมถึงไดอะล็อกที่ Gracie คอมเมนต์ชุดที่ลูกสาวลองในร้านด้วย ซีนนี้ซีนเดียวก็ถือว่านำเสนอคาแรกเตอร์ได้อย่างล้ำลึก
สำหรับเรา May December คือเรื่องราวของผู้หญิงสองคนที่อยู่ในโลกลวง ๆ ที่เธอสร้าง กล่าวคือ Elizabeth จริง ๆ ก็น่าจะเป็นดาราตกอับ เลือกบทไม่ได้ และต้องจำยอมเล่น “หนังโป๊” ที่เธอยังเรียกมันอย่างโลกสวยว่า “หนังอินดี้หรือหนังนอกกระแส” และยังพยายามฝืนบอกตัวเองว่า เธอกำลังหาทางสร้างมิติให้ตัวละคร นำเสนอความจริง และเพิ่มคุณค่าให้กับเรื่องราว ส่วน Gracie ก็พยายามย้ำตลอดว่า พวกเขารักกันและมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ทั้งที่เธอมักเป็นคนคอยชักใย คอนโทรล รวมถึงการเขียนจดหมายรักให้เด็กติดกับและวางแผนฮุบเหยื่อเด็กคนนี้ตั้งแต่แรก แต่ทั้งนี้ นี่เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของเราเองเท่านั้น สุดท้ายแล้ว คนดูแต่ละคนอาจจะคิดได้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับพื้นฐาน ประสบการณ์ชีวิต มุมมองการมองโลก สภาพแวดล้อมทางสังคม บรรทัดฐานและระดับศีลธรรมในจิตใจ
ช่วงแรก ๆ Joe อาจเหมือนเป็นแค่ตัวประกอบหรือแทบจะ invisible อยู่ที่ขอบมุมของฉาก จนรู้สึกว่านี่คือหนังของสองสาว แต่พอถึงองก์ที่สาม เราจะค้นพบว่า จริง ๆ คือหนังของ Joe ชายหนุ่มที่ถูกพรากชีวิตที่พึงมีไปกว่า 24 ปี โดยมนุษย์ป้า ที่ตามหลักแล้ว ตอนนั้นเป็นแม่ของเพื่อนร่วมรุ่นที่โรงเรียน (ต้องขออภัยที่เราไม่โปรเฟสชันนัลพอที่จะใช้ภาษาที่ไม่ตัดสินผู้หญิงคนนี้ได้จริง ๆ) และตอนนั้นเขาก็ยังเป็นเด็กน้อยที่โดดเดี่ยว และอาจยังไม่รู้จักหรือเข้าใจเรื่องความรักจริง ๆ ซึ่ง ณ ตรงนี้ ต้องยอมรับว่า Charles Melton ประกบกับนักแสดงระดับตัวแม่ตัวมัมทั้งคู่แล้วไม่ดร็อปเลย ถือเป็นหนึ่งในนักแสดงดาวรุ่งพุ่งแรงคนหนึ่ง
Joe ไม่เคยมีโอกาสได้ใช้ชีวิตวัยเยาว์ วัยรุ่น และวัยหนุ่มอย่างคนอื่น ๆ ไม่เคยได้มีช่วงเวลาค้นหาตัวตนและทำตามสิ่งที่ตัวเองชอบจริง ๆ เพราะต้องเหมือนติดกับอยู่กับผู้หญิงที่เป็นเสมือนทั้งแม่และเมียในคนคนเดียวกัน ฉากสุดท้ายที่ Joe ยืนยิ้มและร้องไห้ในงานเรียนจบของลูก ๆ มันเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกอันซับซ้อน ทั้งความรักความภูมิใจที่เขามีต่อลูก ๆ ทั้งความเจ็บปวดที่ตัวเองอาจไม่เคยมีโมเมนต์วันเรียนจบแบบนี้กับเพื่อนและครอบครัว ทั้งความรู้สึกดีใจหรือโล่งใจที่ในที่สุด… ดักแด้และหนอนตัวน้อย ๆ ของเขาได้เติบโตเป็นผีเสื้อสยายปีก… เช่นเดียวกับเขาที่กำลังจะหมดพันธะ หลุดพ้น เป็นอิสระ และได้ออกไปใช้ชีวิตในโลกกว้างในอย่างที่เขาอยากเป็นเสียที
May December เข้าฉายรอบพิเศษ 7-13 มีนาคม รอบ 1 ทุ่มเป็นต้นไป และฉายจริง 14 มีนาคม 2024 ในโรงภาพยนตร์