เมื่อ 9 ปีที่แล้ว โลกได้รู้จัก Furiosa (รับบทโดย Charlize Theron) ตัวละครนำหญิงสุดแกร่งจากหนังมหากาพย์แอ็คชั่นสุดมัน(ส์)ของปู่ George Miller เรื่อง Mad Max: Fury Road (2015)
ในปีนี้ (2024) ปู่ George Miller กลับมาพาเราไปรู้จักกับเรื่องราวในอดีตของ Furiosa (Anya Taylor-Joy จาก The Witch) ที่ถูกแก๊งสิงห์มอเตอร์ไซค์ของ Dementus (Chris Hemsworth จาก Thor) ลักพาตัวไปจาก Green Place ก่อนจะถูกขายให้ Immortan Joe แห่ง Citadel (Lachy Hulme จาก The Matrix Revolutions)
ในหนัง Furiosa: A Mad Max Saga เราจะได้เห็นสกิลการเอาตัวรอดและความสู้ชีวิตแต่เด็กของ Furiosa เธอต่อสู้และหลบหนีจากชะตากรรมที่เกือบจะต้องเป็นหนึ่งในแม่พันธุ์ของ Immortan Joe จนได้ทำงานเป็นพลขับวอร์ริกคู่กับ Jack (Tom Burke) ซึ่งต่อมาเป็นทั้งคนรักที่เธอไว้ใจและเป็นเมนเทอร์ผู้สอนให้เธอต่อสู้เอาตัวรอดเป็นบนถนนโลกันตร์แห่งนี้
อาจเพราะเคย “ว้าว” จาก Mad Max: Fury Road ไปมากแล้ว ดังนั้น สำหรับเรา ประเด็นโลกล่มสลายและทรัพยากรอันจำกัดใน Furiosa: A Mad Max Saga จึงยังไม่ว้าวเท่าภาคก่อนหน้า แต่หนังก็ยังคงธีมนั้นอยู่อย่างแข็งแกร่งอยู่ดี ส่วนประเด็นเฟมินิสต์ เขาก็ไม่ได้เล่นชัดเท่า Fury Road เพราะ Furiosa: A Mad Max Saga เน้นเล่าเรื่องดราม่าสุดแสนรันทดของ Furiosa เป็นหลัก
ในขณะที่ Mad Max: Fury Road เน้นฉากบู๊มาเต็มชนิดแทบไม่ได้พักหายใจ จนเรียกได้ว่าหนังยาว 120 นาที บู๊ไปแล้ว 130 นาที แต่ Furiosa: A Mad Max Saga ต้องเน้นดราม่ามากขึ้น สัดส่วนฉากแอ็คชั่นจึงไม่ได้เยอะเท่าภาค Fury Road แต่อย่างไรก็ดี ฉากแอ็คชั่น โดยเฉพาะซีนซิ่งรถ ก็ยังคงตึงจัดเช่นเคย
เอาจริง จุดแข็งและจุดขายหลักของแฟรนไชส์นี้คือฉากแอ็คชั่นไล่ล่านี่แหละ ทั้งนี้ไม่ได้หมายความถึงแค่ความมัน(ส์)ที่เขาทำถึงระดับท็อปฟอร์มเท่านั้น แต่ฉากซิ่งรถทั้งหลายมันล้วนเป็นฉากสำคัญที่ใช้ขับเคลื่อนเรื่องราวและตัวละครจริง ๆ โดยแทบไม่ต้องใช้ไดอะล็อกเยอะแยะหรือพล็อตซับซ้อนอะไร แล้วเขาตั้งใจออกแบบซีนแอ็คชั่นออกมาดีมากจริง ๆ (ทุกวันนี้ก็ยังจำบางซีนจากฉากไล่ล่าในภาค Fury Road ได้อย่างตราตรึงอยู่เลย)
โดยสรุป สำหรับเรา Furiosa: A Mad Max Saga อาจจะไม่ได้ไฮป์เท่า Fury Road แต่มันก็มีความไต่ระดับความเข้มข้นและมีความกลมกล่อมกว่าเดิม แต่ทั้งนี้ เราก็คิดว่า ถ้าไม่ติดเรื่องข้อจำกัดของเวลา หรือทำเป็นซีรีส์ มันมีหลายพาร์ทในชีวิตของ Furiosa ที่น่าขยี้หรือเล่าลงดีเทลกว่านี้มาก ๆ อย่างไรก็ตาม Furiosa: A Mad Max Saga ยังจัดเป็นผลงานมาสเตอร์พีซ ถือเป็นหนังที่ควรค่าแก่การดูในโรง IMAX หรือในโรงภาพยนตร์ด้วยทุกอณูประการทั้งด้านงานภาพ ซาวนด์ การออกแบบแอ็คชั่นซีน และความดีงามของน้อยจอย