ย้อนกลับไปในยุค 1880s ก่อนที่ “หอไอเฟล” จะโด่งดังและกลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของปารีส ฝรั่งเศส อย่างทุกวันนี้ ไอเฟลไม่ได้ถูกสร้างบนกลีบกุหลาบ หากแต่เต็มไปด้วยขวากหนาม และคำครหาว่า “ugly” จนกระทั่งถึงวันเปิดตัวใน 31 มี.ค. 1889
หนังฝรั่งเศส Eiffle บอกเล่าต้นกำเนิดของหอไอเฟล โดยตัดสลับไปมาระหว่างเรื่องราวในยุค 1860s ช่วงที่ Gustave Eiffel (Romain Duris) วิศวกรอัจฉริยะผู้เนรมิตหอไอเฟล ได้พบกับรักแท้ของเขา… Adrienne Bourgès (Emma Mackey จาก Sex Education) กับช่วงยุค 1880s ที่ Eiffel ถูกกดดันให้สร้างอนุสาวรีย์อะไรก็ได้ที่โลกต้องจดจำ ทั้งที่เขาอยากจะสร้างรถไฟใต้ดินที่มีประโยชน์กับประชาชนมากกว่า แต่สุดท้าย การโคจรกลับไปพบกับรักเก่า ซึ่งตอนนี้เธอมีสามีแล้ว คือ Antoine de Restac (Pierre Deladonchamps) เพื่อนของเขา ผู้ทรงอิทธิพลในวงการสื่อและการเมืองฝรั่งเศส
ถึงแม้จะสร้างอิงจากเรื่องจริง คนจริง และสถานที่จริง แต่ Eiffle ควรถูกจัดหมวดเป็นหนังรักหรือเมโลดราม่าเสียมากกว่าเป็นหนังชีวประวัติหรือหนังประวัติศาสตร์ ทั้งรักต้องห้ามจากความแตกต่างทางชนชั้นในยุค 1860s และรักต้องห้ามในช่วง 1880s ที่ต่างฝ่ายต่างมีครอบครัวแล้ว
หนังจะเน้นให้เห็นว่าการสร้างหอไอเฟลมีความรักเป็นเสาหลักแห่งแรงบันดาลใจ เช่น หอเป็นทรง “ตัว A” เพราะมาจากชื่อของคนรัก เป็นต้น แต่ไม่ได้เน้นลงถึงเบื้องลึกเบื้องหลังในด้านอื่น ๆ เช่น ปัญหาการเงิน หรือการต่อต้าน เกี่ยวกับการสร้างหอนี้มากเท่าไหร่นัก แต่มันก็ให้รายละเอียดมากพอ ที่จะกระตุ้นต่อมอยากรู้ให้ผู้สนใจได้ออกหาความรู้หรือหาอ่านประวัติศาสตร์ต่อเพิ่มเติมเองอยู่บ้าง
โดยส่วนตัว เราชอบพาร์ทอุปสรรคและโปรเซสในการสร้างหอความสูงกว่า 300 เมตรนี้มากกว่าด้านความรัก และอยากให้หนังเล่ามันมากกว่านี้ เพราะเราชอบที่ได้เห็นกระบวนการในการสร้างหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกซึ่งมีอายุกว่าร้อยปีประหนึ่งเราได้ไปยืนอยู่ในเหตุการณ์หรือในไซต์งานด้วยตัวเอง เราทึ่งในอัจฉริยภาพและองค์ความรู้ของ Gustave Eiffel มาก ที่ทุ่มเทสร้างหอไอเฟลจนสำเร็จภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี และวิธีการกับแนวคิดของเขาก็ดูล้ำมากเมื่อเทียบกับค่านิยมและเครื่องมือไฮเทคในยุคสมัยนั้น
เราชอบ Eiffle ที่ภาพสวย การเล่าเรื่องมีแฝงสัญลักษณ์ และเลิฟซีนที่ถึงพริกถึงขิง ตามสไตล์หนังยุโรปหลายเรื่อง นอกจากนี้ การแสดงอารมณ์ของสามนักแสดงหลักก็ทำได้ดียอดเยี่ยมจนบางทีก็ขนลุก โดยสรุป ถึงแม้หนังอาจจะเล่าไม่สุดสักทางสำหรับเรา แต่มันก็เป็นหนังที่ดูได้อยู่ และทำให้เราเห็นคุณค่าหรืออินกับการมีอยู่ของหอไอเฟลมากขึ้น