KWANMANIE
  • Home
  • Courses
    • All Courses
    • Essay Course for Admissions
    • Private Essay Course
    • SOP & Essay Editing Service
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
      • Self Improvement Books
      • Relationship Books
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
    • How to Write a Statement of Purpose (SOP)
    • English Writing
    • General
  • About Me
    • Where to Find Me
Follow
  • Facebook
  • Twitter
  • Instagram
  • Pinterest
  • YouTube
Social Links
Instagram 5K Follow
Twitter 11K Follow
Facebook 10K Like
YouTube 7K Subscribe
TikTok
KWANMANIE
Follow
Follow
Like
Subscribe
KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
  • About Me
    • Where to Find Me
  • Self Improvement Books
  • Relationship Books
  • Films
  • Movie Reviews

รีวิว A Quiet Place 2: ดินแดนไร้เสียง

  • June 18, 2021
  • kwanmanie
Total
0
Shares
0
0
0

3 ปีที่แล้ว John Krasinski ได้เนรมิตและพาพวกเราไปสัมผัสกับ “ดินแดนไร้เสียง” เป็นครั้งแรกใน A Quiet Place หนังภาคแรกประสบความสำเร็จทั้งในแง่คำวิจารณ์และรายได้ เพราะหนังเขาทำได้ดีจริงตั้งแต่คอนเซ็ปต์จนถึงทุก ๆ ภาคส่วน มีฉากน่าจดจำหลายฉาก

ภาคแรกเน้นไปที่เรื่องราวความสัมพันธ์และการเอาตัวรอดของครอบครัวตัวละครเอก รวมถึงการค้นพบหนทางในการต่อสู้กับเจ้าเอเลี่ยน (ที่รังเกียจเสียงของผู้คนเสมือนรัฐบาลบางประเทศ) ส่วนใน A Quiet Place Part 2 ภาคนี้ เล่าเรื่องต่อจากตอนจบของภาคแรกเลย (ดังนั้น ควรเคยดูหรือทบทวนภาคแรกมาก่อนดูภาคนี้) เป็นการเดินทางไปหาผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ และหาทางมีชีวิตรอดโดยปราศจากพ่อผู้เคยเป็นหัวหน้าครอบครัว

Evelyn (Emily Blunt จาก Sicario) ผู้เป็นแม่ พา Regan ลูกสาวคนโต ผู้หูหนวกเป็นใบ้โดยกำเนิด (Millicent Simmonds), Marcus ลูกชายคนรอง (Noah Jupe จาก Ford v Ferrari), และทารกเกิดใหม่ เดินทางขึ้นเขาไปหาที่อยู่ใหม่ (หรือที่หลบภัยใหม่) ที่นั่นเอง พวกเขาได้พบกับ Emmett (Cillian Murphy จาก Inception) เพื่อนบ้านเก่าของพวกเขา

“The people that are left … they’re not worth saving.”

ในเวลา 1 ชั่วโมง 37 นาที หนังเล่าเหตุการณ์ที่ดำเนินต่อไปเพียง 2-3 วัน เราจึงไม่ได้เห็นสตอรี่ไลน์มากมายและอาจไม่ค่อยเห็นพัฒนาการของตัวละครหลักมากเท่ากับภาคแรก แต่หนังภาคนี้มีสเกลที่ใหญ่ขึ้นและเงียบน้อยกว่าภาคแรก โดยภาคนี้เราจะได้เจอกับตัวละครอื่น ๆ เยอะขึ้น และได้เห็นว่าโลกที่มีเอเลี่ยนทำให้ความเป็นมนุษย์ของพวกเขาเปลี่ยนไปขนาดไหน

บางทีก็อดไม่ได้ที่จะเอาเหตุการณ์เอเลี่ยนในหนังย้อนมาเปรียบเทียบหรือคิดถึงกับโลกที่มี COVID-19 pandemic อยู่ ณ ปัจจุบัน โดยเฉพาะซีนที่ไปพบกับชุมชนหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตได้ปกติสุขปราศจากเอเลี่ยนคุกคาม มันเหมือนคนไทยคือกลุ่มตัวละครเอก และชุมชนนั้นคือประเทศพัฒนาที่ประชาชนได้ฉีดวัคซีนที่ดีกันถ้วนหน้าและใช้ชีวิตได้โดยไม่ต้องสวมแมสก์แล้ว

อย่างไรก็ตาม เราต้องยอมรับว่า John Krasinski (ผู้กำกับ ผู้เขียนบท และผู้แสดงเป็นพ่อผู้ล่วงลับของครอบครัว) สามารถเล่าเรื่องได้อย่างชาญฉลาด สนุก ตื่นเต้น และน่าติดตาม เขาแบ่งตัวละครหลักออกเป็น 2-3 กลุ่ม แล้วเล่าตัดสลับอย่างมีชั้นเชิง

กลุ่มแรกคือ Regan ที่เชื่อว่า ที่ที่เธอจะไปมีกลุ่มผู้รอดชีวิตอยู่ เธอจึงแอบออกไปค้นหาคนเดียว เพื่อช่วยให้คนในครอบครัวได้มีบ้านที่ปลอดภัย เธอเชื่อว่าเธอกำลังทำหน้าที่แทนพ่อ แน่นอนว่า เธอฉลาดและกล้าหาญ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ไม่ฉลาดที่ออกไปหาทำคนเดียว โชคดีที่มี Emmett ตามออกไปช่วย ทั้งสองก็ร่วมมือกันไปตามหาชุมชนผู้รอดชีวิต ซึ่ง Millicent Simmonds นักแสดงเด็กหน้าใหม่และพิการทางการได้ยินด้วยในชีวิตจริง ยังคงแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม และประกบกับนักแสดงมืออาชีพอย่าง Cillian Murphy ได้โดยไม่รู้สึกขัดใจ

อีกกลุ่มคือ Marcus ลูกชายผู้ขี้ตื่นตระหนก และต้องอยู่เลี้ยงน้องทารกคนเดียวในบังเกอร์ เพราะแม่จำเป็นต้องออกไปหาหยูกยาและถังอ็อกซิเจนมาให้ลูก ๆ ซึ่ง Noah Jupe ก็ได้พิสูจน์อีกครั้งว่า เขาคือนักแสดงเด็กที่มีความสามารถและอนาคตไกล ถึงแม้เขาจะเริ่มโตไวเกินตัวละครในเรื่องไปแล้วตามประสาวัยรุ่น แต่ก็เป็นเรื่องที่คนดูเข้าใจได้ ส่วนนักแสดงมืออาชีพ ผู้เป็นทั้งภรรยาในหนังและในชีวิตจริงของผู้กำกับอย่าง Emily Blunt เธอได้รับการยอมรับอยู่แล้วเรื่องความสามารถทางการแสดง และเรื่องนี้ เธอก็ทำหน้าที่ได้ไร้ที่ติทั้งบทนำและพาร์ทซัพพอร์ตเด็ก ๆ ให้ shine bright like a diamond ยิ่ง ๆ ขึ้นไป

John Krasinski คงรู้ดีว่า Millicent Simmonds กับ Noah Jupe คือหนึ่งในจุดแข็งจุดหลักของ “ดินแดนไร้เสียง” แห่งนี้ไปแล้ว เสมือนการตระหนักรู้ว่า “เด็กคืออนาคตของชาติ” และทุก ๆ คนสามารถเป็น “หัวหน้าครอบครัว” ได้ เขาจึงเลือกให้เด็ก ๆ เป็นตัวเดินเรื่องหลักโดยมีผู้ใหญ่คอยเป็นแบ็คหนุน และดันเด็ก ๆ อย่างเต็มที่จนถึงฉากตัดจบอัน so powerful พร้อม ๆ กับเปิดประตูบานใหญ่ไปสู่ A Quiet Place Part 3 ที่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องมี!

A Quiet Place Part 2 คะแนนตามความชอบส่วนตัว 8/10

Share this:

  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)

Related

Total
0
Shares
Share 0
Tweet 0
kwanmanie

Movie Blogger | Essay Tutor

2 comments
  1. Pingback: Top 14 A Quiet Place ภาค 2 - Ôn Thi HSG
  2. Pingback: Top 21 ดิน เเ ด น ไร้ เสียง ⋆ Thú Chơi

Comments are closed.

Trending Posts
  • Homepage
    Homepage
  • สรุปหนังสือ MANIFEST: 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา
    สรุปหนังสือ MANIFEST: 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา
  • รีวิว How to Train Your Dragon: เจ้าเขี้ยวกุด ไลฟ์แอ็คชั่น ที่บินสูงกว่าเดิม
    รีวิว How to Train Your Dragon: เจ้าเขี้ยวกุด ไลฟ์แอ็คชั่น ที่บินสูงกว่าเดิม
  • Chanel Boy แท้ vs. Chanel Boy ปลอม
    Chanel Boy แท้ vs. Chanel Boy ปลอม
  • สรุปหนังสือ Supercommunicators: ยอดมนุษย์นักสื่อสาร
    สรุปหนังสือ Supercommunicators: ยอดมนุษย์นักสื่อสาร
Follow Me
  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
Contact
Bangkok, Thailand
LINE ID: @kwanmanie
kwanmanieisworking@gmail.com
ABOUT KWANMANIE

ขวัญ จบอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เป็นบล็อกเกอร์ ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ ซื้อกระเป๋า เลี้ยงแมว เลี้ยงต้นไม้ และเป็นติวเตอร์ เน้นสอน Essay Writing

KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
  • Books
  • Lifestyle & Perspective
  • Study
  • About Me
Movie Blogger | Essay Tutor

Input your search keywords and press Enter.