วันนี้เราขอประเดิมบล็อกแรกของปี 2016 ด้วยภาพยนตร์ไทยอิงประวัติศาสตร์ “พันท้ายนรสิงห์” ฉบับล่าสุดของ ท่านมุ้ย หรือหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล (จริงๆ มีรอบสื่อตั้งแต่ก่อนปีใหม่ แต่เราติดไปเที่ยวปีใหม่ เลยต้องมาตีตั๋วไปดูเอง)
เรื่องย่อ พันท้ายนรสิงห์ (๒๕๕๘)
สมเด็จพระสรรเพชญที่ 8 หรือ “พระเจ้าเสือ” (พันโทวันชนะ สวัสดี) เสด็จประพาสไปแถวเมืองวิเศษไชยชาญ ปลอมตัวเป็นสามัญชน “ทิดเดื่อ” ตามวิสัย และไปเจอ “นวล” (มัดหมี่ พิมดาว พานิชสมัย) หญิงสาวชาวบ้าน ที่ “สิน” (เต้ย พงศกร เมตตาริกานนท์) ตามจีบอยู่ และหมายมั่นปั้นมืออยากได้นางมาเป็นเมีย วันหนึ่งสินช่วยทิดเดื่อหรือพระเจ้าเสือจากการลอบปลงพระชนม์และได้ดื่มน้ำร่วมสาบานเป็นพี่น้องกัน ต่อมาพระเจ้าเสือจึงแต่งตั้งสินเป็น “พันท้ายนรสิงห์“
รีวิว วิเคราะห์ วิจารณ์ พันท้ายนรสิงห์ (๒๕๕๘)
หลายคนที่ไปดู พันท้ายนรสิงห์ มาก่อนเรา บอกว่าสนุกกว่าและดีกว่า ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เราเองก็ไม่เคยดู ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เลยสักภาค แต่เท่าที่ดู พันท้ายนรสิงห์ ก็รู้สึกว่าเฉยๆ คือมันก็ไม่ดีไม่แย่ แต่ก็… นั่นแหละ… “ไม่ชอบ”
ยอมรับว่า การแสดงของผู้พันเบิร์ด, เต้ย พงศกร, มัดหมี่ พิมดาว, และ สรพงศ์ ชาตรี ในเรื่องนี้คือดีจริง เป็นธรรมชาติดี เคมีลงตัว ดูแล้วอิน ดูแล้วเชื่อ โดยเฉพาะฉากตัดหัวพันท้ายนรสิงห์คือพีคจริง บีบเค้นอารมณ์น้ำตาไหล ไร้ที่ติ
แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีความแอบเบื่อกับคาแรกเตอร์ของ เต้ย พงศกร ซึ่งเริ่มจำเจซ้ำๆ ซากๆ มาตั้งแต่ บางระจัน กับ ผีห่าอโยธยา ละ (ถามจริง พระเอกหน้าไทยที่ขี่ม้าฟันดาบได้มันมีแค่นี้จริงๆ เหรอในปฐพีนี้เนี่ย) ส่วนผู้พันเบิร์ดก็นะ… ถึงแม้คาแรกเตอร์ในเรื่องนี้จะน่ารัก แต่มันก็เหมือนพระนเรศวรฯ กลับชาติมาเกิดเป็นพระเจ้าเสืออะ แถมเป็นพระเจ้าเสือเวอร์ชั่นคนดีอีกต่างหาก ไม่ชิน!!! (แต่กล้ามงาม พี่ให้อภัย)
อย่างไรก็ตาม นั่นมันก็ไม่ขัดอารมณ์เท่างานซีจีที่ไม่เนียน คือมันภาพลอยอย่างเห็นได้ชัด โปรดักชันละค้อนละคอน ตัดต่อก็พินาศมาก นำพาอารมณ์ไปไม่สุดเลย แต่ก็เข้าใจนะว่าตอนแรกมันถูกสร้างมาเพื่อให้เป็นละครไทยทีวีสีช่องสาม โปรดักชันมันเลยดูไม่อลังการงานสร้างเท่าหนังใหญ่ทั่วไป และต้องตัดต่อให้เหลือแค่ 3 ชั่วโมง อะไรๆ มันเลยออกมาไม่แพงอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้น ในส่วนนี้… เราขอใช้คำว่า ”พอรับได้”
แต่สิ่งที่ “ไม่ชอบ” ที่สุดก็คือเนื้อเรื่อง ถึงแม้โดยรวมจะเหมือนเดิมตามพงศาวดารเด๊ะๆ เพิ่มเติมคือความน้ำเน่าของรักสามเส้า ไม่มีอะไรแปลกใหม่ คอนเทนต์ยังเต็มไปด้วยการสอดแทรก culture, hirtory, and social ของไทยๆ คือมันเวรี่ไทยเกินไป มันน่าเบื่อแล้ว คือหนังไทยควรก้าวไกลไปมากกว่านี้ได้แล้ว มันควรหมดยุคที่จะเอาหนังใหญ่มาเลคเชอร์เยาวชนไทยให้รักชาติรักพระเจ้าแผ่นดินได้แล้ว
ที่หนักสุดคือการตีความ ไม่สิ.. จริงๆ มันไม่ใช่การตีความสิ ต้องเรียกว่ามันคือการพยายามปรับทัศนคติมุมมองของคนไทย…โดยการยัดเยียดสารให้ชาวไทยเข้าใจเสียใหม่ว่า พระเจ้าเสือ… พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 29 แห่งกรุงอโยธยานั้นไซร้ หาได้เลวร้ายหรือโหดเหี้ยมอำมหิตตามที่ประวัติศาสตร์ได้กล่าวไว้ไม่ ซึ่งบอกเลยว่า หนังโน้มน้าวเราไม่ได้เลย มันยากที่จะเชื่อจริงๆ (ก็อย่างที่บอกไปตะกี๊อะค่ะว่า ไม่ชิน!!!)
แต่ก็นั่นแหละ… มันอาจจะเป็นอคติของเราเองก็ได้ เพราะลองตัดอคติหรือความรู้ดั้งเดิมของตนเองเกี่ยวกับพระเจ้าเสือกับพันท้ายนรสิงห์ มันก็ดูสนุกครบรสดีแหละ มั้ง
ถ้าอยากให้ใครสักคนรักชาติรักแผ่นดินรักกษัตริย์รักความถูกต้อง หรือทำความรู้จักกับประวัติศาสตร์ไทยมากขึ้น ก็ลองพาเขาคนนั้นไปดูก็ได้ เพราะหนังมันก็มีข้อคิดในตัวของมัน และพระเจ้าเสือกับพันท้ายนรสิงห์ในเรื่องนี่ก็แสนจะดี๊ดี เอาเป็นแบบอย่าง role models ได้อะไรได้ (แต่อย่าเชื่อหนังหมด 100% นะ คำเตือน)
แต่สำหรับเรา เราไม่ชอบอะ กลับไปขุดหาประวัติศาสตร์มาอ่านเองวิเคราะห์เอง สนุกกว่า
พันท้ายนรสิงห์ (๒๕๕๘) คะแนนตามความชอบส่วนตัว 6.5/10
32 comments