KWANMANIE
  • Home
  • Courses
    • All Courses
    • Essay Course for Admissions
    • Private Essay Course
    • SOP & Essay Editing Service
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
      • Self Improvement Books
      • Relationship Books
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
    • How to Write a Statement of Purpose (SOP)
    • English Writing
    • General
  • About Me
    • Where to Find Me
Follow
  • Facebook
  • Twitter
  • Instagram
  • Pinterest
  • YouTube
Social Links
Instagram 5K Follow
Twitter 11K Follow
Facebook 10K Like
YouTube 7K Subscribe
TikTok
KWANMANIE
Follow
Follow
Like
Subscribe
KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
  • About Me
    • Where to Find Me
  • Self Improvement Books
  • Relationship Books
  • Films
  • Movie Reviews

รีวิว Lion: จนกว่าจะพบกัน

  • December 31, 2016
  • kwanmanie
Total
0
Shares
0
0
0

เป็นที่น่าตกใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่แปลกใจ ที่พบว่าในแต่ละปีมีเด็กหายในประเทศอินเดียกว่า 80,000 คน Saroo Brierley เป็นหนึ่งในนั้น แต่เขาโชคดีที่มีผู้ปกครองใจบุญชาวออสเตรเลียรับไปอุปการะ เขาบันทึกเรื่องราวของเขาเป็นหนังสือ A Long Way Home: A Memoir

ผู้กำกับ Garth Davis หยิบเรื่องราวของ Saroo Brierley มาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม ชื่อเรื่องว่า Lion (คำว่า Saroo คล้องกับคำที่มีความหมายว่า สิงโต) ซึ่งล่าสุดได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globes) ครั้งที่ 74 ถึง 4 สาขา ได้แก่

  • ภาพยนตร์ดราม่ายอดเยี่ยม
  • ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม
  • นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม – Dev Patel (จาก Slumdog Millionaire)
  • นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม – Nicole Kidman (นักแสดงออสการ์จาก The Hours)

และแน่นอนว่า Lion มีสิทธิลุ้นเข้าชิงออสการ์สาขาใหญ่ ๆ ด้วยอย่างน้อย 1 สาขาอย่างแน่นอน!

 

Saroo ตัวจริง กับ Dev Patel
Saroo ตัวจริง กับ Dev Patel

 

หนัง Lion สร้างจากเรื่องจริงของ Saroo Brierley โดยเริ่มเรื่องที่ปี 1986 ในเมือง Khandwa ประเทศอินเดีย ตอนนั้น Saroo อายุ 5 ขวบ เขาพลัดหลงกับพี่ชายของเขา Guddu (Abhishek Bharate) ที่สถานีรถไฟ เขาถูกรถไฟพาไปเมือง Calcutta ซึ่งห่างจากบ้านเขาไปกว่า 1,600 กิโลเมตร

Saroo กลายเป็นเด็กไร้บ้าน (Homeless) อยู่อย่างอดอยากปากแห้งและยังต้องหลบหนีจากพวกแก๊งลักเด็กไปขาย ต่อมาเขาถูกส่งไปอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าก่อนที่ Sue & John Brierley (Nicole Kidman & David Wenham จาก The Lord of the Rings) สองสามีภรรยาชาวออสเตรเลียจะมารับเขาไปเป็นลูกบุญธรรม

Saroo จากบ้านไกลมาอยู่ Tasmania ประเทศออสเตรเลีย Sue กับ John เลี้ยงดูเขาอย่างดี เขาเรียนต่อการจัดการโรงแรมที่ Melbourne และได้พบรักกับสาวนิวยอร์ก Lucy (Rooney Mara ผู้เข้าชิงออสการ์จาก Carol) เพื่อนร่วมคลาสของ Saroo แนะนำให้เขาตามหาบ้านเกิดของเขาโดยใช้เทคโนโลยี Google Earth เพื่อที่วันนึงเขาจะได้กลับไปหาแม่ (Priyanka Bose) และพี่น้องแท้ ๆ ของเขา

 

 

หลายช็อตที่หนังถ่ายทอดเรื่องราวได้โดยที่ตัวละครไม่ต้องพูดอะไรเลยสักคำ เราก็เข้าถึงอารมณ์และความรู้สึก ณ ขณะนั้นได้ อีกทั้งทำให้เราเห็นความ contrast ของโลกคู่ขนานทั้งสองประเทศ ระหว่างอินเดียกับออสเตรเลีย เห็นความยากลำบากของคนยากคนจน รู้สึกตัวเองโชคดีแค่ไหนแล้วที่เกิดมามีบ้านอยู่และมีครอบครัวอยู่ใกล้ ๆ

การถ่ายภาพในหนังของ Greig Fraser (ช่างถ่ายภาพจาก Rogue One, Foxcatcher, Zero Dark Thirty ฯลฯ) ก็งดงามและอัจฉริยะอย่างยิ่ง ดูแล้วชวนให้เข้าถึงอารมณ์ตลอดการเดินทางของ Saroo โดยเฉพาะการถ่ายภาพ landscape จากมุม Bird’s-eye view ที่เข้าคอนเซ็ปต์กับการหาบ้านของตัวละครเอกโดยใช้ Google Earth

 

 

นอกจากงานภาพที่โดดเด่น จุดแข็งของเรื่องนี้คือการแสดงอันทรงพลังของเหล่านักแสดงนำ ตั้งแต่สองหนุ่มที่รับบทเป็น Saroo Brierley นั่นก็คือ Dev Patel กับ Sunny Pawar ทั้งสองทำหน้าที่ในพาร์ทของตนเองได้อย่างยอดเยี่ยม

ตอนแรกเราก็สงสัยว่าทำไม Dev Patel ได้เข้าชิงสาขานักแสดงสมทบชาย ไม่ใช่สาขานักแสดงนำชาย เพราะเขาเองก็รับบทเป็นตัว Saroo Brierley ซึ่งเป็นตัวละครหลักของเรื่องเลย แต่พอได้ดูหนังจริงจึงเข้าใจ Dev Patel ไม่ได้แบกหนังทั้งเรื่องไว้เพียงคนเดียว นักแสดงอีกคนหนึ่งที่แบกเรื่องราวไว้พอ ๆ กับเขาคือนักแสดงเด็กหน้าใหม่ Sunny Pawar ที่รับบทเป็น Saroo ในวัยเด็ก

กล่าวคือ Sunny Pawar แสดงให้เห็นว่าความยากลำบากของ Saroo วัยเด็กที่อินเดียเป็นอย่างไร ความเคว้างคว้างในการอยู่อย่างโดดเดี่ยวและหลงทางในเมืองที่ไม่มีใครคุยภาษาเดียวกับเขานั้นเป็นอย่างไร (Saroo พูดภาษาท้องถิ่นคือภาษาฮินดี ในขณะที่คนในเมือง Calcutta พูดภาษาเบงกาลี)

ส่วน Dev Patel ถ่ายทอดความเจ็บปวดและความซับซ้อนทางอารมณ์ของตัวละครได้อย่างดีเยี่ยมจนเกือบจะร้องไห้ตาม หวังว่าเรื่องนี้จะส่งให้เขาไปถึงเวทีออสการ์ได้ เพราะต้นปีเขาก็เล่น The Man Who Knew Infinity เป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอินเดียได้อย่างน่าประทับใจ (ถ้าไม่ได้อีก ออสการ์ก็คงจะ So White เกินไปแล้วจริง ๆ) แต่ข้อติงคือ Dev Patel เป็นคนผิวสีน้ำตามที่หล่อมากและหุ่นดีมาก ทั้งรูปร่าง หน้าตา และผิวพรรณต่างจาก Saroo ตัวจริงอยู่โข แถมยังดูเชื่อได้ยากว่าเขาเป็นคนอินเดียที่เกิดในสลัม

 

 

อย่างไรก็ดี เนื่องจากในตอนต้นเรื่องหนังพาเราไปสัมผัสประสบการณ์ชีวิตอันแร้นแค้นของ Saroo มาแล้ว ช่วงที่เขาโตมาเป็น Dev Patel มันจึงมีหลายช็อตที่เราอินไปกับมัน เพราะเรามีความทรงจำวัยเด็กและมีประสบการณ์ร่วมไปกับ Saroo (สารภาพว่าตอนแรกแอบเบื่อนะที่เล่าเรื่องช่วงวัยเด็กยาวนาน คืออยากดูตอนโตแล้วอะไรแล้ว แต่ตอนหลังก็เก๊ตละว่าทำไมต้องให้แบคกราวนด์เยอะขนาดนี้)

เราจึงเข้าใจเวลาที่เขานึกถึงช่วงวัยเด็กที่เขาเคยอยากกินอะไรแต่ไม่ได้กินแล้ววันนี้เขาสามารถกินขนมนั้นกี่ชิ้นก็ได้ และเราก็เข้าใจเขา หากเขาจะรู้สึก uncomfortable กับชีวิตอัน comfortable ในปัจจุบัน เพราะครอบครัวของเขาอีกทวีปหนึ่งกำลังอยู่ยากลำบากและอาจเป็นห่วงว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร

 

 

แต่คนที่น่าลุ้นออสการ์แน่นอนกว่าคือ Nicole Kidman ผู้รับบทเป็นแม่เลี้ยงของ Saroo ช็อตที่เราชอบของเธอมีอยู่สองซีน ซีนแรกคือซีนที่เธอมอง Saroo เปิดตู้เย็นในบ้านของเธอครั้งแรก ตู้เย็นที่เต็มไปด้วยของกินมากมายต่างจากชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาที่แทบไม่มีอันจะกิน เอาจริงซีนนี้ชอบฟีลลิ่งโดยภาพรวมนั่นแหละ มันเป็นภาพที่ไม่ต้องพูดอะไรแต่มีความหมายเป็นร้อยล้านคำ

อีกซีนนึงนี่ชอบที่การแสดงของ Nicole Kidman และไดอะล็อกของ Sue ล้วน ๆ คือตอนที่เธอบอกเหตุผลที่เธอรับ Saroo กับ Mantosh มาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมแทนที่จะมีลูกแท้ ๆ ที่ให้กำเนิดด้วยตัวเองเอง

Sue กับ John Brierley ไม่สนว่าเด็กที่รับเลี้ยงมาจะเป็นอย่างไร ถึงแม้ Mantosh จะโตมาไม่ได้ดั่งใจ พวกเขาก็ไม่เสียใจที่ตัดสินใจรับเลี้ยง พวกเขามองว่าการผลิตจำนวนประชากรเพิ่มไม่ได้การันตีว่าผลผลิตนั้นจะเป็นผลผลิตที่ดีและช่วยให้สังคมดีขึ้น แต่การช่วยเหลือเด็กกำพร้ามันช่วยให้โลกดีขึ้นมาแน่ ๆ ไม่มากก็น้อย

ทั้งนี้ไม่ใช่แค่ซาบซึ้งกับทัศนคติของพวกเขา แต่แนวคิดนี้ยังทำให้เรานึกย้อนไปถึงสังคมอินเดีย ซึ่งมีประชากรล้นหลาม (แค่แม่ของ Saroo คนเดียวก็มีลูก 4 คนละ) ประชากรส่วนใหญ่ยากจน ประเทศยังห่างไกลจากการพัฒนา (คิดดูสิว่า Saroo จากบ้านไป 25 ปี กลับมาอีกทีอินเดียแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเลย)

 

 

เราชอบที่ Lion ไม่ได้เป็นหนังจุดประกายความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ไม่ใช่หนังที่โชว์ให้เห็นว่าพระเอกของเราอยู่รอดได้ด้วยโชคช่วยหรือปาฏิหาริย์ ในทางกลับกัน พระเอกของเรามีสติปัญญา ความอุตสาหะ และหัวใจยิ่งใหญ่ดุจราชสีห์

นอกจากนี้ ดู Lion จบแล้ว เรายังตระหนักได้ถึงสิ่งที่ทำให้โลกของเราและชีวิตของคนคนนึง “ดีขึ้น” ได้อยู่ 2 อย่าง ได้แก่ เทคโนโลยีและการศึกษา ในขณะเดียวกันก็มีอีกสิ่งสำคัญที่ทำให้โลกของเรา “น่าอยู่ขึ้น” ด้วย นั่นก็คือ ความดีและความรัก

นี่คือความจริงแท้ที่เราได้จากหนังเรื่องนี้ และความงดงามของเรื่องราวนี้ทำให้เราเสียน้ำตา

 

 

Lion คะแนนตามความชอบส่วนตัว 8/10

Movie: [usr 4 text=”false”]

เข้าฉายรอบ Sneak Preview เฉพาะที่โรง Lido ตั้งแต่ 29 ธ.ค. – 4 ม.ค. (รอบหลัง 20:00 น.) ฉายจริงในโรงทั่วไปวันที่ 5 ม.ค. 2017

 

 

 

Share this:

  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)

Related

Total
0
Shares
Share 0
Tweet 0
kwanmanie

Movie Blogger | Essay Tutor

38 comments

Comments navigation

Older comments
Newer comments
  1. Pingback: canadian online pharmacy
  2. Pingback: Buy cialis
  3. Pingback: levitra 10mg
  4. Pingback: vardenafil
  5. Pingback: casino real money
  6. Pingback: sildenafil citrate
  7. Pingback: free slots
  8. Pingback: real money casino online usa
  9. Pingback: loans online
  10. Pingback: cash payday

Comments navigation

Older comments
Newer comments

Comments are closed.

Trending Posts
  • รีวิว Snow White: สโนไวท์ 2025
    รีวิว Snow White: สโนไวท์ 2025
  • Homepage
    Homepage
  • รีวิวการ์ตูนอะนิเมะญี่ปุ่น Your Name: หลับตาฝันถึงชื่อเธอ
    รีวิวการ์ตูนอะนิเมะญี่ปุ่น Your Name: หลับตาฝันถึงชื่อเธอ
  • รีวิว Crimson Peak : ปราสาทสีเลือด
    รีวิว Crimson Peak : ปราสาทสีเลือด
  • ทำความรู้จักกับหนัง exotic ทั้ง 4 ประเภท ของกระเป๋าแบรนด์ S'uvimol
    ทำความรู้จักกับหนัง exotic ทั้ง 4 ประเภท ของกระเป๋าแบรนด์ S'uvimol
Follow Me
  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
Contact
Bangkok, Thailand
LINE ID: @kwanmanie
kwanmanieisworking@gmail.com
ABOUT KWANMANIE

ขวัญ จบอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เป็นบล็อกเกอร์ ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ ซื้อกระเป๋า เลี้ยงแมว เลี้ยงต้นไม้ และเป็นติวเตอร์ เน้นสอน Essay Writing

KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
  • Books
  • Lifestyle & Perspective
  • Study
  • About Me
Movie Blogger | Essay Tutor

Input your search keywords and press Enter.