KWANMANIE
  • Home
  • Courses
    • All Courses
    • Essay Course for Admissions
    • Private Essay Course
    • SOP & Essay Editing Service
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
      • Self Improvement Books
      • Relationship Books
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
    • How to Write a Statement of Purpose (SOP)
    • English Writing
    • General
  • About Me
    • Where to Find Me
Follow
  • Facebook
  • Twitter
  • Instagram
  • Pinterest
  • YouTube
Social Links
Instagram 5K Follow
Twitter 11K Follow
Facebook 10K Like
YouTube 7K Subscribe
TikTok
KWANMANIE
Follow
Follow
Like
Subscribe
KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
  • About Me
    • Where to Find Me
  • Self Improvement Books
  • Relationship Books
  • Films
  • Movie Reviews

รีวิว Jurassic World: Fallen Kingdom

  • June 9, 2018
  • kwanmanie
Total
0
Shares
0
0
0

“Life will find a way.”

เมื่อปี 1993 ไดโนเสาร์หลากสายพันธุ์กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ณ สวนสนุก Jurassic Park เป็นครั้งแรกในรอบกว่าหกสิบล้านปี เราจึงถือเป็นเด็กคนนึงที่ได้เกิดมาในยุคที่ได้เห็นไดโนเสาร์เดินได้ด้วยอัจฉริยะภาพและเวทมนตร์ของ Steven Spielberg พ่อมดแห่งฮอลลีวู้ด จนมาถึงสวนสนุกแบบปรับปรุงใหม่ เป็น Jurassic World ในปี 2015 ซึ่งเป็นยุคที่ดูเหมือนจะรุ่งเรืองที่สุดและพังพินาศที่สุดของเกาะ Isla Nublar

หลังจากที่สวนสนุก Jurassic World  ปิดตัวลงไปเมื่อภาคที่แล้ว ในภาค Fallen Kingdom นี้ ถึงคราที่เกาะ Isla Nublar จะถูกปิดตายและไดโนเสาร์บนเกาะจะต้องสูญพันธุ์อีกครั้ง เนื่องจากเหตุภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิดบนเกาะนั้นเอง มีคนแบ่งเป็นสองกลุ่ม ได้แก่ คนที่ต้องการปล่อยให้ไดโนเสาร์ตายไปตามธรรมชาติ เช่น Ian Malcolm (Jeff Goldblum) ผู้ผจญภัยกับสัตว์เหล่านี้มาตั้งแต่ภาคแรก กับอีกกลุ่มคือกลุ่มที่อยากจะช่วยชีวิตไดโนเสาร์เหล่านั้นจากลาวานรก เช่น Claire Dearing (Bryce Dallas Howard) อดีต CEO (หรือผจก. สักอย่าง) ของ Jurassic World

Claire ได้รับการติดต่อจากอภิมหาเศรษฐี Benjamin Lockwood (James Cromwell) ผ่านการติดต่อของ Eli Mills (Rafe Spall) คนของเขา พร้อมข้อเสนอที่ว่า เขาจะมอบเกาะที่อุดมสมบูรณ์และแสนสงบไว้ให้ไดโนเสาร์ของ Claire ถึงแม้ว่าเวลาอาจจะไม่พอช่วยไดโนเสาร์ทุกตัวบนเกาะได้ แต่หลัก ๆ เขาให้ priority เป็นพิเศษกับสายพันธุ์ Velociraptor ซึ่ง ณ ตอนนี้เหลือเพียงเจ้า Blue ตัวเดียว แต่การจับ Velociraptor ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอจึงต้องไปตามกิ๊กเก่า Owen Grady (Chris Pratt) ซึ่งเป็นเทรนเนอร์ผู้เลี้ยง Blue มาแต่อ้อนแต่ออก ให้มาช่วยทำภารกิจนี้

และแน่นอนว่า หนังไดโนเสาร์ของ Steven Spielberg (ซึ่งครั้งนี้ขึ้นแท่นเป็นโปรดิวเซอร์) จะต้องมีเด็ก หรือมีความเป็นหนังครอบครัว ในภาคนี้เด็กคือเด็กหญิง Maisie (Isabella Sermon) หลานของ Benjamin Lockwood และหากภาคที่แล้วมีไดโนเสาร์ไฮบริดเป็น Indominus Rex ไปแล้ว ภาคนี้ก็มีไฮบริดเป็น Indoraptor ออกแบบโดย Dr. Henry Wu คนเดิม (BD Wong คนเดิม)

โดยรวม เรื่องก็ไม่ได้มีอะไรมาก ยังเน้นคอนเซ็ปต์ วิ่งหนีไดโนเสาร์ เป็นหลัก แต่คราวนี้ไม่ได้วิ่งหนีแค่บนเกาะ หรือในเมืองอะไร (เพราะเกาะจะ fallen ตั้งแต่ยังไม่ทันครึ่งเรื่อง ซึ่งฉากนี้ก็จะวินาศสันตะโรอยู่หน่อย ๆ) แต่วิ่งหนีกันอยู่ในคฤหาสถ์ Lockwood กลางป่าใหญ่ ซึ่งฟีลอาจจะคล้ายดูหนังลึกลับสยองขวัญสไตล์โกธิคอยู่บ้าง เพราะผู้กำกับ J.A. Bayona เขาสร้างชื่อมาจากหนังเรื่อง The Orphanage

แต่เห็นได้ชัดว่า เขากำลังพยายามจะขยายเส้นเรื่องให้โตขึ้น พยายามเล่นกับประเด็นความเป็นมนุษย์และสังคมทุนนิยมหรือชนชั้นนายทุนมากขึ้น ก่อนจะจบทิ้งปมส่งไปยังภาคหน้าเหมือน Planet of the Apes ที่คนกับวานรต้องอยู่ในโลกเดียวกัน ส่วนปมครอบครัวในภาคนี้ยังไม่ค่อยเด่นชัดและเหมือนไม่ค่อยได้รับความสำคัญเท่าไหร่ แต่หวังว่าปมของเด็กหญิง Maisie กับคุณตา Lockwood อาจจะมีอะไรมากขึ้นในภาคหน้า

ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรมาก มันก็ต้องยอมรับว่าเป็นหนังที่ดูสนุกมาก แค่ฉากเปิดเรื่องก็อะล้าอลังยิ่งกว่าหนัง Michael Bay แล้ว ตอบโจทย์ความบันเทิงอย่างครบรส (แต่ซีนโรแมนติกมีน้อยนะ น้อยชนิดกะพริบตาสองทีก็อาจพลาดไป) ไดโนเสาร์ซีจีตื่นตาตื่นใจสมฐานะ และมีหลายซีนที่ทำให้คิดถึงซีนจากภาคเก่า ๆ อยู่เยอะเหมือนกัน คนที่โดมากับหนังของเขาหรือผูกพันกับหนังเขา เหมือนที่ Owen ผูกพันกับน้อง Blue ก็คงจะรู้สึกอะไรบ้าง

โดยรวมก็ถือเป็นภาคที่ดูคั่นเวลาได้ แต่ก็ไม่ได้น่าจดจำ และไม่ได้มีแก่นสารอะไรที่สลักสำคัญเป็นของตัวเองขนาดนั้น (ประมาณว่า ถ้าข้ามภาค 5 นี้ไป แล้วดูภาค 4 แล้วไปภาค 6 เลย ก็อาจจะยังดูรู้เรื่อง)

คะแนนตามความชอบส่วนตัว

Share this:

  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)

Related

Total
0
Shares
Share 0
Tweet 0
kwanmanie

Movie Blogger | Essay Tutor

34 comments

Comments navigation

Newer comments
  1. Pingback: is viagra generic
  2. Pingback: how much does cialis cost at walmart
  3. Pingback: cialis price
  4. Pingback: viagra for sale
  5. Pingback: medicine for impotence
  6. Pingback: ed pills
  7. Pingback: ed meds
  8. Pingback: cialis 10 mg
  9. Pingback: canada online pharmacy
  10. Pingback: generic cialis

Comments navigation

Newer comments

Comments are closed.

Trending Posts
  • สรุปหนังสือ MANIFEST: 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา
    สรุปหนังสือ MANIFEST: 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา
  • Homepage
    Homepage
  • รีวิวการ์ตูนอะนิเมะญี่ปุ่น Your Name: หลับตาฝันถึงชื่อเธอ
    รีวิวการ์ตูนอะนิเมะญี่ปุ่น Your Name: หลับตาฝันถึงชื่อเธอ
  • รีวิว How to Train Your Dragon: เจ้าเขี้ยวกุด ไลฟ์แอ็คชั่น ที่บินสูงกว่าเดิม
    รีวิว How to Train Your Dragon: เจ้าเขี้ยวกุด ไลฟ์แอ็คชั่น ที่บินสูงกว่าเดิม
  • รีวิว Snow White: สโนไวท์ 2025
    รีวิว Snow White: สโนไวท์ 2025
Follow Me
  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
Contact
Bangkok, Thailand
LINE ID: @kwanmanie
kwanmanieisworking@gmail.com
ABOUT KWANMANIE

ขวัญ จบอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เป็นบล็อกเกอร์ ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ ซื้อกระเป๋า เลี้ยงแมว เลี้ยงต้นไม้ และเป็นติวเตอร์ เน้นสอน Essay Writing

KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
  • Books
  • Lifestyle & Perspective
  • Study
  • About Me
Movie Blogger | Essay Tutor

Input your search keywords and press Enter.