“The brain sees what it wants to see”
Ghost Stories มีตัวละครเอกคือ Professor Philip Goodman (Andy Nyman ผู้เล่นเอง กำกับเอง และเขียนบทเอง) ผู้ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับแต่ต้องมาไขคดีเรื่องลี้ลับหรือเรื่องผี 3 เรื่องเล่าที่ไม่มีใครอธิบายได้ (ฟีลจะเหมือน Sherlock Holmes ที่ไปสืบสวนคดี 3 เคสประมาณนั้น)
- เคสแรกเป็นเรื่องของ Tony Matthews (Paul Whitehouse จาก Alice in Wonderland) ยามกะดึกที่เจอผีเด็กผู้หญิงในคืนหนึ่งขณะปฏิบัติหน้าที่
- เคสสองเป็นเรื่องของ Simon Rifkind (Alex Lawther จาก The End of the F***ing World) เด็กวัยรุ่นที่เคยเจอสิ่งเร้นลับในป่าขณะที่เขากำลังขับรถกลับบ้านคนเดียวกลางดึก
- เคสสามเป็นเรื่องของ Mike Priddle (Martin Freeman จาก Sherlock) นักธุรกิจพันล้านที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวในคืนที่ภรรยาท้องแก่ของเขาไปนอนพักที่โรงพยาบาล และเขาก็ต้องพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิดในบ้านของเขาเอง!
เท่าที่อ่านเรื่องย่อผ่าน ๆ ตอนแรกเราก็คิดนะว่า มันก็คงอารมณ์เหมือน The Shock หรือหนังไทยสี่ซ้าห้าแพร่งที่เราเคยดู แต่ก็คิดด้วยเช่นกันว่า หนังมันต้องมีอะไรมากกว่านั้น เพราะนี่มันหนังอังกฤษขึ้นชื่อและชื่อนักแสดงนำก็ธรรมดาซะที่ไหน
ความรู้สึกตอนดูแรก ๆ ที่เครื่องยังไม่ติด ยังรู้สึกเหมือนมาดูหนังผี (หรืออะไรแนว ๆ เหนือปรากฏการณ์ธรรมชาติ) ผสมหนังสืบสวนทั่ว ๆ ไปอยู่ แต่ก็รู้สึกว่ามันมีอะไรน่าค้นหาและน่าติดตาม เพราะการใช้โทนสี การจัดแสง การแพนกล้อง และการใช้ซาวนด์ประกอบ ฯลฯ มันดูดีมีรสนิยม ในขณะเดียวกัน มันก็ให้ความรู้สึกลึกลับซ่อนเงื่อนเหมือนมีอะไรที่เรามองไม่เห็นแต่คาดเดาไม่ได้
พูดง่าย ๆ คือ ถ้าเป็นหนังสยองขวัญเกรดบีทั่วไป เราจะเดาทางได้บ้างว่า “เนี่ย ๆ เดี๋ยวผีจะโผล่มาตุ้งแช่ตรงนี้นะ” หรือจู่ ๆ มันก็ใส่ซาวนด์ตุ้งแช่ใหญ่ ๆ มาให้เราตกใจง่าย ๆ ดื้อ ๆ ไปเลย แต่สำหรับ Ghost Stories เรื่องนี้เค้าไม่ทำแบบนั้น เราจะคาดเดาไม่ได้เลยว่าสิ่งนั้นมันจะมาตรงไหน ตอนไหน หรือในรูปแบบไหน ขอให้คำนิยามสั้น ๆ ว่า “เป็นหนังที่วางใจไม่ได้เลย” ก็ละกัน
ถึงแม้มันจะไม่ได้น่ากลัวฮาร์ดคอร์สไตล์จักรวาล James Wan (คือจริง ๆ แล้ว ต้องบอกว่า เรื่องนี้มันแนวผีจิตวิทยามากกว่า ค่อนข้างต่างจากหนังจักรวาล James Wan มากจนไม่น่าจะเอามาเปรียบเทียบกันได้) แต่ก็เป็นความน่ากลัวที่เรารู้สึกเข้าถึงหรือเอาประสบการณ์ส่วนตัวของตนไปร่วมด้วยได้ เช่น เราอาจเคยต้องขับรถคนเดียวในที่เปลี่ยว ๆ มืด ๆ แล้วคิดนี่นั่นไปต่าง ๆ นานาว่าเราจะเจออะไรข้างทางบ้าง (ถึงแม้เราอาจจะไม่เคยเห็นเคยจออะไรโต้ง ๆ จัง ๆ แบบในหนังก็ตาม)
ในช่วงองก์สุดท้ายของหนัง อะไรที่เราคิดว่ามันจะคลี่คลายมันก็ไม่ได้คลี่คลายไปแบบที่สมองเราคาดคิดไว้เลยแม้แต่น้อย หนังปั่นหัวคนดูอยู่หมัดจริง ๆ สำหรับเรา เราต้องบอกว่าเราโคตรเซอร์ไพรส์ อึ้ง และอ้าปากค้าง เหมือนโดนผู้กำกับหลอกลากไปตบหน้ากลางโรงหนัง ณ ตอนนั้น ถ้าถามว่าเกลียดมั้ย ก็ไม่นะ ชอบที่โดนอะไรแบบนี้ เพราะปกติจะชินกับการเป็นคนดูที่ฉลาดกว่าตัวละครในเรื่อง (ชินจากละครไทยไง จะที่ไหนล่ะ) และมีความคิดด้วยว่า “อยากดูซ้ำ” เพื่อไปเก็บรายละเอียดว่า ตั้งแต่ต้นเรื่อง สมองเรามัวแต่ไปโฟกัสแต่สิ่งที่เราอยากเห็นจนเราตกหล่นอะไรสำคัญไปบ้าง อย่างไร
โดยสรุป Ghost Stories จะน่ากลัวคนละแนวกับจักรวาล James Wan กล่าวคือเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญจิตวิทยา ที่ค่อนข้างแปลกใหม่ อีกทั้งเล่นปั่นสมองคนดูได้สุด ๆ เกินกว่าจะบรรยายได้ (ถ้าบรรยายมากจะหลุดสปอยล์เอาได้) คนจะไปดูต้องหลบสปอยล์ไว้ให้ดีอย่างยิ่ง คุณควรเข้าไปแบบสด ๆ และไปเหวอแบบเรา มันจึงจะเรียกว่าสนุก
เราคิดว่านี่น่าจะเป็นหนังที่คนที่ชอบก็น่าจะชอบไปเลย และคนที่ไม่ชอบก็อาจจะไม่ชอบไปเลย ไม่น่าจะมีคนที่ดูจบแล้วบอกว่า “เฉย ๆ งั้น ๆ” สักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยที่สุดที่เราคิดว่าคนน่าจะไม่ผิดหวังคือ หนังเรื่องนี้แคสต์นักแสดงมาดีมาก โดยส่วนตัว ในเรื่องนี้เราชอบการแสดงของ Alex Lawther ที่ค่อนข้างเห็นพัฒนาการชัดเจนและดูน่าสนใจ ส่วนลุง Martin Freeman ก็ดีเหมือนเดิม และมีช็อตให้เราร้อง “เชี้ย!” อยู่เหมือนกัน
คะแนนตามชอบส่วนตัว 8/10
31 comments
Comments are closed.