ฉันชอบผู้ชายมีเงินค่ะ แต่ก็ใช่ว่าจะชอบผู้ชายมีเงินทุกคนบนโลก
ฉันชอบผู้ชายรวย แต่ไม่ได้ชอบผู้ชายอวดรวย หรือรวยแต่เลว หรือรวยแต่โง่
ฉันชอบผู้ชายมั่นคง แต่ต้องเป็นความมั่นคงที่เกิดจากเสาเข็มที่เขาวางเอง
และเชื่อว่า ตอนนี้ผู้หญิงหลายคนก็พยักหน้าหงึกๆ (หรืออาจจะส่ายหัวงึมงำ) เพราะถ้าเลือกได้ ผู้หญิงก็อยากได้ผู้ชายที่มั่นคงกันทั้งนั้น อย่างน้อย ถ้าวันนึงจับได้ว่าสามีเป็นเกย์ ก็ขอร่ำไห้น้ำตาเช็ดหัวเข่าอยู่ในอ่างกุชชี่ ดีกว่าร้องไห้กอดตุ่มโอ่งมังกร จริงมั้ย? เพราะตามธรรมชาติของคนแล้ว ไม่ได้เฉพาะจำกัดแค่ผู้หญิง ใครๆ ก็อยากอยู่อย่างสุขสบาย เว้นแต่พวกที่พึงพอใจอยู่ใต้ร่มกาสาวพัตร หรือเป็นพวกที่อิ่มทิพย์มาเกิดเท่านั้นแหละ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสบายคือความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ ไม่มีใครที่อยากอยู่อย่าง(อด)อยาก จะอยากเน้นสบายกายหรือสบายใจนั่นก็อีกเรื่อง แต่อย่างน้อยก็ขอสองฐานล่างสุดของ “สามเหลี่ยมมาสโลว์” ก็ยังดี นั่นคือขอสบายทางกาย และขอสบายทางใจด้วยการมีความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิต
ดังนั้นจึงไม่แปลกนัก ถ้าจะบอกว่าคนส่วนใหญ่ชอบ “เงิน” เพราะเงินเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะแลกมาซึ่งความสบายทางกายและความมั่นคงปลอดภัยต่างๆ นั้นได้
ต่อให้ตัวคุณเองจะไม่รีเควสต์ชีวิตคู่ที่สุขสบายเลิศเลอ รับได้ถ้าต้องทำงานหาเช้ากินค่ำ กินมาม่า นอนกับพื้น โหนรถเมล์ หรือใช้ของรียูสมือสอง (ถึงแม้ลึกๆ จะรู้ดีว่า ถ้าได้แก่อย่างสวยๆ กินไข่คาเวียร์ นอนเตียงคิงไซส์ หรือนั่งรถสปอร์ต มันก็ดีกว่านะ) แต่อย่าลืมว่า ต้องคิดเผื่อถึงอนาคตด้วย เพราะบางความสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องของคนแค่สองคน อีกหน่อยต้องมีลูกพ่วงมาอีกเป็นคนที่สาม… สี่… ห้า…
แล้วหัวอกคนเป็นแม่ ฉันเชื่อว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเห็นลูกต้องเกิดมาแล้วลำบาก อยากให้เขาได้อยู่ในโรงเรียนที่ดี ได้เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดี เพื่อให้ลูกหลานของเราเติบใหญ่ได้อย่างมั่นคงและมีความสุข
ดังนั้นอย่าไปเกรงว่าใครจะว่าว่าคุณจับแต่ผู้ชายรวย คุณรู้อยู่แก่ใจก็พอว่าคุณคิดอะไรและทำอะไรอยู่ ขอแค่คุณมีเจตนาที่ดี ก็ไม่ต้องสนคำครหาของใคร เพราะเราไม่ได้จะเกาะเขากิน เราทำงานของเราด้วย หาเงินของเราด้วย และมองหาคู่ชีวิตที่เสริมกัน ทั้งศีลเท่ากัน ปัญญาเท่า และบารมีเท่ากัน ก็เท่านั้น
แน่นอนว่า คำว่ารวยของฉัน ผู้ชายคนนั้นจะมารวยแบบไร้ค่าไม่ได้ เพราะจริงๆ ฉันไม่ได้ต้องการผู้ชายรวย ฉันต้องการผู้ชายที่มั่นคง ฉันจะดูปัจจัยหลายๆ อย่างประกอบกัน ถ้าระยะแรกๆ ยังตัดสินไม่ได้ ก็ดูว่าความมั่นคงของเขานั้นได้แต่ใดมา บางคนมั่นคงด้วยมรดกตกทอดหรือกิจการดั้งเดิมที่พ่อแม่สร้าง บางคนก็พยายามวางรากฐานใหม่ด้วยตัวเอง อย่างคนกลุ่มหลัง การันตีได้เรื่องหนึ่งแล้วว่า อย่างน้อยก็เป็นคนเก่งในระดับหนึ่ง เป็นผู้นำของครอบครัวได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องการสร้างหรือการหามาซึ่งรายรับก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง รายจ่ายหรือนิสัยการใช้จ่ายนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะบางคนเงินเดือน 15,000 บาท ก็อาจมีเงินเก็บมากกว่าคนที่เงินเดือน 50,000 บาทก็ได้ ดังนั้นฉันจึงมองว่าเงินเก็บก็ชี้วัดอะไรบางอย่างในตัวเขาได้ส่วนหนึ่งเช่นกัน
การมีเงินเก็บไม่ได้แปลว่าจะต้องแทบไม่ใช้ตังค์เลย เขายังสามารถช้อปปิ้ง แต่งรถ หรือกินเบียร์กินเหล้าได้ตามที่เขาต้องการตราบใดที่ยังจับจ่ายพอดีตัว (และไม่มีเมียเล็กเมียน้อย) สมมติเงินเดือนหลักล้าน จะซื้อกระเป๋าใบละแสนทุกเดือน ก็ไม่มีใครว่า เอาง่ายๆ ขอแค่ควบคุมรายรับรายจ่ายให้สมดุลได้ ไม่ใช่ใช้เงินเดือนชนเดือน หรือเงินติดลบ (เช่น เป็นหนี้บัตรเครดิต) และมีเงินเหลือเก็บเผื่อไว้ใช้กรณีฉุกเฉินในอนาคตบ้าง แค่นี้ก็โอเคแล้ว
เพราะคนที่เงินเหลือเก็บน้อยเนี่ย บางทีก็ส่อถึงศักยภาพ ความขี้เกียจ ความสุรุ่ยสุร่าย และความล้มเหลวในการบริหารจัดการการเงินของตัวเองนะ ซึ่งคนที่เลี้ยงตัวเองยังแทบจะเอาตัวไม่รอดแบบนี้ ฉันว่า ไม่น่าไว้วางใจให้เขามาช่วยดูแลบริหารครอบครัวของเราในอนาคตสักเท่าไหร่ เห็นด้วยมั้ย?
สำหรับฉัน ถึงแม้ความรักจะเป็นเรื่องของความรู้สึกก็จริง แต่บางทีก็ต้องใช้สมองและเหตุผลในการประคองความรักให้ตลอดรอดฝั่ง จำไว้ว่าทุกคนมีสิทธิเลือกสิ่งที่ใช่ที่สุดให้กับตัวเอง และช่วยพากันไปข้างหน้า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็เป็นทัศนะส่วนบุคคล ขอแค่ไม่ใช่หลับหูหลับตาสักแต่รักก็ใช้ได้ เพราะสุดท้ายแล้ว ถ้าขึ้นชื่อว่าความรัก อุปนิสัยใจคอและทัศนคติก็ยังเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ดีที่จะทำให้คนสองคนอยู่ร่วมกันได้ไปจนแก่เฒ่า
เงินมันเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่อาจจะทำให้ชีวิตคู่มีความสุขง่ายขึ้น
เพราะสมัยนี้ แค่รักอย่างเดียว มันพอที่ไหน?
124 comments
An excellent article. I have now learned about this. Thanks admin