หนัง The Housemaid สร้างจากนิยายขายดีของ Freida McFadden ซึ่งต้นฉบับเองเขาก็เขียนมาเข้มข้น ภาษาแซ่บ เล่าเรื่องสนุกจนวางไม่ลงอยู่แล้ว (เราอ่านวันเดียวจบ) พอ Paul Feig (ผู้กำกับ A Simple Favor และ Last Christmas) มาทำเป็นภาพยนตร์ มีจุดที่แตกต่างจากหนังสือไปบ้าง แต่โดยรวม ก็เป็นการปรับเปลี่ยนที่เข้าใจได้และทำให้เรื่องราวสนุกขึ้นด้วยซ้ำ
พิกัดหนังสือนิยาย https://s.shopee.co.th/6Ae3krwpvZ
The Housemaid เล่าเรื่องของ Millie (Sydney Sweeney จาก Anyone But You) หญิงสาวที่มีอดีต มาสมัครเป็นแม่บ้านที่บ้านไฮโซ Winchester และจำเป็นต้องรักษางานนี้ไว้ให้ได้ ถึงแม้คุณนาย Nina (Amanda Seyfried จาก Mean Girls) จะอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ดูมีปัญหาทางจิต, Cece (Indiana Elle) ลูกสาววัย 7 ขวบ ก็เป็นเด็กประหลาด, แม้แต่ Enzo (Michele Morrone จาก 365 Days) คนสวน ก็แปลก…. มีแต่ Andrew (Brandon Sklenar จาก It Ends with Us) สามีของ Nina ที่ดีกับเธอ
สิ่งแรกที่หนังไม่ตรงปกจากหนังสือก็คือ Nina เพราะ Amanda Seyfried ยังสวยเกินไปเมื่อเทียบกับคำบรรยายในหนังสือ แต่การแสดงของเธอชนะเลิศ ทำให้หนังสนุกขึ้น เพราะเธอดูสนุกกับการแสดงเป็นคนรวยนิสัยไม่ดีให้คนเกลียดจริง ๆ
ในขณะที่ Sydney Sweeney ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกเหมาะกับบทสาวใช้จอมยั่วเยอย่างไร้ที่ติ แต่การแสดงยังขาดเสน่ห์ เข้าไม่ถึงกับบทบาทของ Millie เธอเหมือนเดินลอยไปลอยมามากกว่าแสดงอยู่ ยังไม่ทำให้เราเข้าถึงความคิด ความรู้สึก อารมณ์ และปมหลังของตัวละคร แม้แต่ฉากสำคัญของเรื่องที่ควรเป็นโมเมนต์ของเธอ เธอก็เกือบจมตอนปะทะซีนอารมณ์กับเจ้านายของเธอ โชคดีที่เราอ่านหนังสือนิยายมาแล้ว เราเลยเข้าใจว่า ในแต่ละฉาก ๆ Millie กำลังคิดอะไรอยู่ในหัว
แต่เหมือน Sydney Sweeney เองและคนทำหนังก็รู้ว่า คนดูหลายคนคงคิดถึงเธอในบทสาวเซ็กซี่ (หลังจากหนังเจ๊งมาหลายเรื่อง) เรื่องนี้ก็เลยกลับมาใช้จุดขายเต็มที่ โชว์กายภาพจัดเต็ม ทั้งฉากนู้ด-ฉากเซ็กส์

หนังมีปรับจากหนังสือหลายจุด เพื่อให้ดำเนินเรื่องไวขึ้น สมเหตุสมผล และเหมาะสมกับบริบทของภาพยนตร์มากขึ้น เช่น ซีนแซนด์วิชระหว่าง Millie กับ Cece ก็ลดความรุนแรงแต่มาเพิ่มมิติให้กับตัวละครเด็กแทน
นอกจากนี้ เราชอบที่เพิ่มมิติตัวละครให้ Millie และ Nina เป็นผู้หญิงที่ฉลาด มีสมองมากขึ้น ทำให้น่าเอาใจช่วยมากขึ้น และก็ชอบการเปลี่ยนตัวละครตำรวจให้เป็นผู้หญิง ซึ่งช่วยเน้นย้ำประเด็นเฟมินิสต์ เพื่อนหญิงพลังหญิง หรือ #MeToo มากขึ้น
ส่วนสิ่งที่ปรับแล้วไม่ชอบคือ เขาลดบทบาทของคนสวนจนกลายเป็นคนที่เหมือนจะไม่สำคัญหรือแทบไม่จำเป็นต้องมีแต่แรกไปเลย
แต่การดัดแปลงบทที่ชอบที่สุดคือช่วงองก์สุดท้าย ที่ไม่ใช่แค่เร่งเครื่องให้เร็วและกระชับขึ้น แต่ซีนปะทะมันยังโหดกว่า แซ่บกว่า และดุเดือดกว่าหนังสือ เพราะมันมีจุดที่เราคิดตั้งแต่ตอนอ่านหนังสือแล้วว่า มันยังง่ายไป เบาไป มันน่าจะเป็นแบบนี้ ๆ ๆ แล้วหนังเขาจัดให้จริงจ้า เรียกว่า “สาแก่ใจ!”
ใครที่เป็นแฟนหนังสือ หรือชอบดูหนังระทึกขวัญแนว plot twist ปั่นประสาท สับขาหลอก สอดแทรกประเด็นเฟมินิสต์ ปัญหาครอบครัว หรือปมซ่อนชู้ ที่มีฉาก 18+ นิด ๆ หน่อย ๆ จัดเลย… The Housemaid คือความบันเทิงส่งท้ายปีของคุณ!