“ท่าแร่” เป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ว่า “หนังปราบผีไทย และ Folk Horror ของไทย สนุกกว่าของเกาหลีและฝรั่งหลายเรื่อง” จริง ๆ
ช่วงหลังเราได้ดูหนังปราบผี หรือแนว exorcist ของต่างประเทศหลายเรื่อง บอกตรง ๆ ว่า เริ่มรู้สึกเดิม ๆ จำเจ เบื่อ และไม่สนุกตื่นเต้น แต่ “ท่าแร่” กลับสร้างความรู้สึกแตกต่างแปลกใหม่ โดยการผนวก วัฒนธรรมและความเชื่อ ของคนท้องถิ่นอีสาน เช่น การเลี้ยงผี พิธีเหยา ฯลฯ เข้ากับการปราบผีสไตล์โบสถ์คริสตจักรอย่างลงตัว
ด้วย “ท่าแร่” กำกับโดย “คุ้ย ทวีวัฒน์ วันทา” ผู้กำกับ “ธี่หยด 1-2” หนังจึงยังมีกลิ่นอาย ธี่หยด ชัดเจน ทั้งจากซาวนด์ ความโหดของผี และทีมนักแสดงสมทบ แต่ “ท่าแร่” เสิร์ฟความบันเทิงที่เข้าถึงง่ายกว่า และเบาสมองกว่าด้วยการสอดแทรกมุกตลกและความวาย
ถึงแม้สำเนียงอีสานของนักแสดงนำบางคนจะไม่เป๊ะร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือว่าทำได้ดีและไม่ขัดอารมณ์ โดยเฉพาะ มีน พีรวิชญ์ ที่แสดงเป็น “แม่หมอเหยา” ได้ดีกว่าที่คิด และเคมีเคใจระหว่างเขากับบาทหลวงเปาโล หรือ เจมส์ จิรายุ คือแรงมาก แฟน ๆ และสายจิ้นได้ฟินกันเต็ม ๆ แน่นอน
ที่เราชอบมากที่สุดคือ การพยายามส่งเสริม ซอฟต์พาวเวอร์ไทย ผ่านวิถีชีวิต วัฒนธรรม และความเชื่อของชาว ท่าแร่ จ. สกลนคร ซึ่งสารภาพเลยว่า เราเพิ่งรู้จริง ๆ ว่า ท่าแร่เป็นชุมชนคาทอลิกที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
แน่นอนว่าหนังยังมีจุดที่ไม่กลมกล่อมบ้าง เช่น การพยายามใส่มิติหรือแบ็คกราวนด์ของตัวละครมาเยอะไปหน่อยแต่ยังเล่าได้ไม่ถึงและทำให้หนังยาวเกินจำเป็น กับช่วงหักมุมที่ยังขาดชั้นเชิงและเล่าเร่งรีบไปหน่อยในการคลายปม นอกจากนี้ ยังมีการตัดต่อบางส่วนที่ดูเหมือนเขาจำเป็นต้อง “ลดแสงหรือจำนวนซีน” ของหนึ่งในนักแสดงชายออกไป (เพราะประเด็นฉาว) เท่าที่จะทำได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียอรรถรสอะไร
โดยรวม “ท่าแร่” คือหนังไทยที่ ตอบโจทย์ความบันเทิง โปรดักชันดี ขายซอฟต์พาวเวอร์ได้เต็มที่ จนไปถึงความโหด น่ากลัว สนุกตื่นเต้น ก็ทำได้ดีตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น สามารถยืนเคียงข้างหนังปราบผีของเมืองนอกได้อย่างไม่อายใคร และคิดว่า Folk Horror คือถูกทางแล้วสำหรับหนังไทย อยากให้กระทรวงวัฒนธรรมและองค์กรเอกชน เช่น ดัชมิลล์ มาร่วมกันช่วยสนับสนุนหนังไทยแบบนี้กันอีกเยอะ ๆ ต่อไป