Now You See Me 3 เป็นหนังรียูเนียน ถ้าคุณเคยดูสองภาคแรกมาก่อน รู้จักตัวละครเก่าและโทนของหนังอยู่แล้ว ก็จอย ๆ ได้เลย แต่ต่อให้ไม่เคยดูภาค 1-2 มาก่อน ก็ยังตามทัน มันเหมือนคุณไปเป็นคู่เดทเวลาแฟนของคุณไปงานรียูเนียนเพื่อนเก่า แล้วแฟนคุณไม่ทำให้คุณนั่งเหงาหรือเป็นส่วนเกิน เพราะหนังเขาไม่ทิ้งคนดูหน้าใหม่
ถึงแม้ NYSM3 ห่างจากภาคก่อนหน้าเกือบสิบปี แต่เขากลับมายิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรี ยังคงเสาหลัก รวมตัวละครเก่าได้เกือบครบถ้วน ในขณะที่ก็ยังอัปเดทตามโลกยุคใหม่ทัน ฟอร์มทีมเก่าเข้ากับทีมใหม่อย่างแข็งแกร่ง (มาก) ทำให้หนังเข้าถึงได้ตั้งแต่คนยุค Gen X, Y, Z และแฟรนไชส์น่าจะไปต่อได้อีกหลายปี
ในภาคนี้ จตุรอาชา (The Four Horsemen) ทีมออริจินัล ได้แก่ Daniel Atlas (Jesse Eisenberg จาก The Social Network), Merritt McKinney (Woody Harrelson จาก Three Billboards Outside Ebbing, Missouri), Jack Wilder (Dave Franco จาก Together), และ Henley Reeves (Isla Fisher จาก Confessions of a Shopaholic) กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อทำภารกิจจารกรรมเพชรจาก Veronika Vanderberg (Rosamund Pike จาก Gone Girl) โดยต้องร่วมผลึกกำลังกับนักมายากลรุ่นใหม่ ได้แก่ Bosco Leroy (Dominic Sessa จาก The Holdovers), June (Ariana Greenblatt จาก Barbie) และ Charlie (Justice Smith จาก Jurassic World)

หนังขยายขีดจำกัดแฟรนไชส์ จากเดิม NYSM อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนหนัง Robinhood + The Prestige + Mission Impossible + Ocean’s แต่ภาคนี้ จะเหมือน Ocean’s กว่าเดิม เพราะสมาชิกยั๊วเยี๊ยะกว่าเดิม จนอาจพูดได้ว่าเป็น Avengers แห่งโลกมายากล เพราะแต่ละคนมีความสามารถและจุดเด่นที่ค่อนข้างเฉพาะตัว
ตอนดูเทรลเลอร์ เราก็กังวลว่า ตัวละครเยอะขนาดนี้ หนังจะเอาอยู่มั้ย แต่เอาเข้าจริง หนังบาลานซ์บทได้ดีเลย ทุกคนมีคาแรกเตอร์ชัดและได้มีซีนของตัวเอง นักแสดงทุกคนรู้ดีเอ็นเอของตัวละครตัวเอง รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรในแต่ละซีน ๆ
แก๊งน้องใหม่ก็ประกบรุ่นพี่ได้ดี ไม่ใช่แค่ไม่จม ไม่หาย แต่ shine like a diamond โดยเฉพาะน้อง Dominic Sessa เราชอบเป็นการส่วนตัวมาตั้งแต่ The Holdovers ตอนนั้นเราพูดว่า ไม่อยากเชื่อว่านั่นเป็นหนังเรื่องแรกของน้อง และวันนี้เราก็ยังพูดว่า ไม่อยากเชื่อว่านี่จะเป็นหนังใหญ่เรื่องที่สองของน้อง และเชื่อว่าอนาคตน้องในวงการการแสดงนี้ยังอีกยาวไกล

ถ้าพูดตรง ๆ โดยส่วนตัวเราถูกการแสดง เคมีนักแสดง และความสัมพันธ์ของตัวละครชักจูงตลอดโชว์มากกว่าตัวหนังหรือตัวบทเอง เราคิดว่า นักแสดงเซฟหนังไว้ค่อนข้างมาก ไดอะล็อกหลายอันอาจไม่ตลกเท่านี้ถ้าไม่ได้ออกจากปากและอินเนอร์ของนักแสดงเหล่านี้
ด้วยคอนเซ็ปต์ของแฟรนไชส์ชอบใช้แผนคือทำให้คนดูงง (โอ้ว! กูไม่ใช่คนที่ฉลาดที่สุดในหนังละว่ะ กูถูกมันต้ม) แต่ภาคนี้ ตัวหนัง บท และโชว์กลเอง โดยเฉพาะกลสุดท้ายที่ควรจะเป็นไคลแมกซ์ มันไม่ได้ซับซ้อนหรือว้าวขนาดนั้น แต่หนังทั้งเรื่องเขาเน้นโชว์ว่ามีของเล่นหรือลูกเล่นเยอะ เช่น ฉากโชว์ของแบบลองเทค แล้วตัดต่อกับพูดรัว ๆ เร็ว ๆ ไปเรื่อยให้คนดูไหลตามโชว์ รวม ๆ มันจึงเป็นหนังที่ถอดสมองออก ดูมันโม้ไปเรื่อย แล้วเพลินชิบหาย
ต่อไปจะเล่นกลไหนอีกล่ะ จัดภาค 4 มาโลดดดด~