หนังรักที่เราชอบที่สุด ตลอดสองปีมานี้ คือ Past Lives
และวันนี้ เราพูดได้อีกว่า หนังรอมคอมที่เราชอบที่สุดคือ Materialists
Past Lives เป็นหนังเดบิวต์การกำกับ-เขียนบทหนังยาวเรื่องแรกของ Celine Song ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวความรักของชาย 2 หญิง 1 ได้อย่างน่าสนใจ และเธอก็ได้ชิงออสการ์จากเรื่องนี้
Materialists ผลงานหนังรักลำดับที่สองของเธอ ถึงแม้หนังจะค่อนไปทางรอมคอม และพูดตรง ๆ ชัด ๆ มากกว่า Past Lives ที่โฟกัสกับ unspoken words แต่ก็ยังเป็นหนังรักแบบผู้ใหญ่ที่อยู่ในโลกของความเป็นจริง และบอกเล่าเรื่องราว “การเลือกคู่ชีวิต = การเลือกชีวิตที่เหลืออยู่” ได้ realistic และ relatable กับคนวัย 30 ตอนกลางอย่างเรามาก
Who our partner is… it determines our whole life… and how we live… forever
ตัวละครหลักคือ Lucy (Dakota Johnson จาก Fifty Shades of Grey) สาวสวยวัย 30 ตอนกลาง เธอเป็นแม่สื่อ หรือ matchmaker ในบริษัทจัดหาคู่ในนิวยอร์ก ที่สร้างรายได้ให้เธอมากกว่า 2 ล้านบาทต่อปี ถึงแม้เธอจะช่วยให้ลูกค้าได้แต่งงานกันไปแล้ว 9 คู่ แต่ตัวเธอยังครองตัวเป็นโสด จนกระทั่งโชคชะตาพามาเจอกับ Harry (Pedro Pascal จาก Fantastic 4) หนุ่มโสดระดับยูนิคอร์น หล่อ สูง รวย ครอบครัวดี มีการศึกษา และ John (Chris Evans จาก Captain America) แฟนเก่าที่เคยเลิกกันเพราะจนและทุกวันนี้ก็ยังจนอยู่
คุณจะเลือกใคร ระหว่างคนที่พาคุณไปเดทมื้อหรูได้ทุกวันหรือพาบินไปทริปในฝันได้ทุกเมื่อ กับคนที่ต้องหยอดกระปุกเพื่อพาคุณไปเดทมื้อหรูในโอกาสสำคัญและชอบทะเลาะกับคุณเรื่องค่าจอดรถ
When you’re lost… the answer is simple.
Just go where love is.

นางเอกจะเลือกใคร: WHY สำคัญกว่า WHO
ประเด็นที่สำคัญที่สุดของ Materialists ไม่ใช่ว่า นางเอกจะเลือกใคร ระหว่างคนรวยกับคนจน คนเก่ากับคนใหม่ — คำถามหลักจริง ๆ ไม่ใช่ “WHO” หากแต่เป็น “WHY” — ทำไมเธอจึงเลือกคนนี้
เพราะ Celine Song แอบเฉลยตั้งแต่ฉาก “มนุษย์ถ้ำ” ตอนเปิดเรื่องแล้วว่า main point ของหนังรักเรื่องนี้คืออะไร — ตั้งแต่โบราณกาล ทุกคนคู่ควรที่จะมีความรัก และความรักจริง ๆ มันเรียบง่ายมาก — ซึ่งเป็นการทำงานกับความคาดหวังและการเปิดใจของคนดูก่อนจะเริ่มเรื่องได้อย่างดีว่านางเอกจะเลือก “ใคร” แต่สิ่งที่สำคัญและน่าค้นหากว่า “ใคร” คือ “ทำไม” เธอจึงเลือกคนคนนี้
และระหว่างทาง มันจะมีไดอะล็อกที่ย้ำตลอดว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในสมการความรักคือ “ความรัก”
เช่น พ่อของเจ้าบ่าวพูดในงานแต่งว่า “When you get lost, go where LOVE is.” และที่นางเอกชอบพูดกับลูกค้าคนโปรดว่า “You’re going to marry the LOVE of your life.”
หรือกระทั่งตัวละครเอกที่โคตรรวยยังพูดเลยว่า ทรัพย์สินภายนอกมันราคาถูกและไม่ยั่งยืน เขาจึงไม่ได้มองหาคู่ครองที่รวยเหมือนกัน แต่เลือกคู่ชีวิตที่ฉลาด มีความคิด ความสามารถ และสติปัญญา ซึ่งเป็นการลงทุนที่ดี มีแต่เพิ่ม ไม่มีลด

Material assets are cheap, they don’t last. I want to be with you for your intangible assets. Those are good investments. They don’t degrade. They only get sharper.
หนังทั้งสองเรื่องของ Celine Song ทำให้เราเข้าใจว่า การเลือกคู่ครองก็คือการกำหนดชีวิตที่เหลืออยู่ เธอแค่เลือกว่า เธอจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ของเธออย่างไร…และกับใคร… คำตอบมันไม่มีถูกผิด
Their lives. Their choices. Their decisions. Their consequences.
ใน Past Lives นางเอกไม่ได้เลือกกลับไปหาคนเก่า แต่เลือกที่จะอยู่กับแฟนของเธอที่อเมริกาต่อไป เพราะชีวิตของเธอ งานของเธอ ความฝันของเธออยู่ที่นี่ มันเป็นเส้นทางที่สอดคล้องกับตัวตนในปัจจุบันและตัวตนที่เธออยากจะเป็นในชีวิตที่เหลืออยู่
ใน Materialists นางเอกไม่ได้เลือกคนที่สามารถมอบชีวิตที่หรูหราสุขสบายให้กับเธอ แต่เลือกที่จะอยู่กับคนที่เธอรัก… คนเดียวที่ทำให้เธอรู้ว่า “เธอก็รักเป็น” และเธอก็เชื่อว่าเธอดูแลตัวเองได้ เดทที่โรแมนติกของเธอไม่จำเป็นต้องมีดอกไม้ราคาแพงหรืออยู่ในร้านอาหารหรู แต่แค่นั่งเล่นด้วยกันในสวน… เธอก็มีความสุขแล้ว (สังเกตว่าเธอจะชอบใส่ชุดลายดอกหรือชุดสบาย ๆ เวลาอยู่กับ John)

“You’re going to marry the love of your life.”
ความรักและความสัมพันธ์ในโลกทุนนิยม
ปัจจุบัน โลกทุนนิยมและวัตถุนิยมกำลังทำให้หลายคนคิดว่า เราต้องมีคุณสมบัติทุกอย่างพร้อมก่อนจึงจะมีความรัก ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา สถานะทางสังคม การศึกษา ฐานะ ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยภายนอก ทั้งที่ความรักมันควรเป็นความรู้สึกที่มาจากข้างใน
หากใครบอกว่า “ความรักต้องใช้เงิน” นั่นอาจเพราะว่า เขายังแยกแยะระหว่าง “ความรัก” กับ “ความสัมพันธ์” หรือ “ความรัก” กับ “การเดท” ไม่ออก เขายังไม่เข้าใจว่า “ความรัก” กับ “ความสัมพันธ์” มันคือคนละเรื่องเดียวกัน
สังเกตว่า เราไม่ใช้คำว่า “love” กับ “relationship” แทนกัน
Dating takes a lot of effort. A lot of trial and error. A ton of risk and pain. Love is easy.
ถ้าคุณเคยมีความรักจริง ๆ คุณจะเข้าใจว่า ความรักมันคือความรู้สึกที่ จู่ ๆ มันก็เกิดขึ้นมาเอง คุณคอนโทรลมันไม่ได้ It just happens… โดยไม่ต้องพยายาม โดยไม่มีปี่มีขลุ่ย… จริง ๆ แล้ว “ความรัก” มันง่ายมาก แต่ “การเดท” และ “ความสัมพันธ์” ต่างหากที่ยาก เสี่ยง และต้องใช้เงิน
เราไม่ได้รักใครเพราะเขาเงินเดือน 6 หลัก หรือมีบ้านราคา 300 ล้าน… คนที่มีเงินติดบัญชีหลักพัน ยังไม่มีงานทำ ยังไม่มีบ้านอยู่ เขาก็เป็นคน มีความคิด ความรู้สึก และมีความรักได้… เราควรเลือกอยู่กับคนที่เรารัก คนที่เราอยากอยู่ด้วย ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่จนถึงวันที่แก่เฒ่าหรือลงหลุมไปด้วยกัน
“You’re looking for a nursing-home partner and a grave buddy.”
แต่สังคมหลายยุคหลายสมัยมานี้ จนมาถึงสังคมทุนนิยมทำให้ความรัก-ความสัมพันธ์เหมือนดีลธุรกิจ การขยายอาณาจักร หรือการแลกเปลี่ยนคุณค่าอะไรสักอย่างต่อกันและกัน
บางคู่ก็อยู่ด้วยกันเพื่อความอยู่รอด คล้ายกับที่ตัวละคร John ยังต้องอาศัยอยู่กับรูมเมท ทั้งที่ไม่ได้รัก ไม่ได้อยากอยู่ แต่ “จำเป็น” ต้องอยู่ร่วมกัน ซึ่งเราเรียกว่า transactional relationship
สังคมทุนนิยมทำให้คุณค่าของความรัก-ความสัมพันธ์เปลี่ยนไป การออกเดทและการจัดงานแต่งงานกลายเป็นสัญลักษณ์ของการบ่งบอกถึงฐานะหรือภาพลักษณ์
I still can’t afford to be with you.

การเดทคือการช้อปปิ้งที่มีสเป็คเป็นช้อปปิ้งลิสต์
นอกจากนี้ ในยุคที่คนเรามีโอกาสเจอคนได้มากมาย เครือข่ายไปได้ไกลกว่าที่เคย หลายคนเริ่มมองผู้คนมองมากมายเหมือนปลาในมหาสมุทร ที่เรามีโอกาสเลือกหาหรือ “ช้อปปิ้ง” ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยเฉพาะผู้ชายที่มักจะได้เปรียบกว่าผู้หญิงในเชิงระยะอายุและสถานะทางสังคม เดดไลน์ในการหาคู่ของผู้หญิงมักมาถึงไวกว่า
ยังไม่นับบริการจัดหาคู่ ทั้งในรูปแบบบริษัทออนไลน์-ออฟไลน์ ต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้ใช้บริการกลายเป็น “สินค้า”
Why does anybody even get married? Because people tell them they should, and because they’re lonely, and because they’re hopeful.
การเดทในยุคนี้ เราเริ่มมองหา “ฟังก์ชั่นที่ครบเครื่อง” ตั้งแต่รูปร่างหน้าตา รสนิยม อาชีพการงาน การศึกษา ฯลฯ แต่ละคนมีสเป็คเหมือน shopping list หรือบางคนก็ต้องการ customize รูปร่างหน้าตา, ไอคิว, รสนิยม ฯลฯ ประหนึ่งกำลังจะสร้างหุ่นยนต์ AI
เรามักเริ่มมองหาคู่เดทจากมาตรฐานหรือความคาดหวังเกี่ยวกับ “ตัวเลข” เช่น อายุ ส่วนสูง จนไปถึงเงินเดือนหรือเงินในบัญชี ซึ่งเราเองก็ต้องยอมรับว่า ใน dating apps เราก็มักปัดซ้ายทิ้งแทบจะทันทีเมื่อเจอผู้ชายที่สูงน้อยกว่าตัวเลขที่เราปักธงไว้ในใจ… แม้จะเพียงแค่ 1 cm…
เราหลงลืมไปว่า เราไม่ได้รักใครเพราะเขาสูง 180 cm หรือค่า BMI ต่ำกว่า 20
เราไม่ได้รักใครเพราะเขาเงินเดือน 6 หลัก หรือมีบ้านราคา 300 ล้าน
แต่ไม่ว่าใครจะเลือกทางไหน… มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกตัดสิน
สุดท้าย ทุกคนแค่เลือกอยู่กับชีวิตและการตัดสินใจของตัวเอง
Their lives. Their choices. Their decisions. Their consequences.
You’re the only reason I know I’m capable of love.