KWANMANIE
  • Home
  • Courses
    • All Courses
    • Essay Course for Admissions
    • Private Essay Course
    • SOP & Essay Editing Service
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
      • Self Improvement Books
      • Relationship Books
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
    • How to Write a Statement of Purpose (SOP)
    • English Writing
    • General
  • About Me
    • Where to Find Me
Follow
  • Facebook
  • Twitter
  • Instagram
  • Pinterest
  • YouTube
Social Links
Instagram 5K Follow
Twitter 11K Follow
Facebook 10K Like
YouTube 7K Subscribe
TikTok
KWANMANIE
Follow
Follow
Like
Subscribe
KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
  • About Me
    • Where to Find Me
  • Self Improvement Books
  • Relationship Books
  • Films
  • Movie Reviews

รีวิว Deadpool & Wolverine: เดดพูล ปะทะ วูล์ฟเวอรีน

  • July 25, 2024
  • kwanmanie
Total
0
Shares
0
0
0

Deadpool & Wolverine เป็นหนังที่ถือกำเนิดขึ้นในยุคหลัง Disney ซื้อ Fox แล้ว และเป็นแฟรนไชส์ที่เปลี่ยนผู้กำกับทุกภาค สไตล์ของ Deadpool & Wolverine จึงค่อนข้างแตกต่างจากสองภาคก่อนหน้า แต่ไม่ว่าอย่างไร หนังก็ยังคงความเกรียน กวนตีน ขี้แซะ แซะทุกสิ่งอย่างบนโลกรวมถึงตัวเอง (ชอบมุกแซะความขาลงของค่ายตัวเองมาก) ฟีลแบบ… เออ อยากทำอะไรทำ อยากพูดอะไรพูด เทหมดหน้าตักได้เลย เพราะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว

ดีที่ Marvel เริ่มยอมรับแต่โดยดีได้ว่า “มัลติเวิร์ส” มันแป้ก แต่ก็ยังดึงจุดแข็งจากมัลติเวิร์สมาใช้อย่างจริงใจ ตรงไปตรงมา ไม่ซับซ้อน เช่น การขุด Wolverine (Hugh Jackman) ที่อำลาอย่างสวยงามไปแล้วตั้งแต่เรื่อง Logan (2017) ขึ้นมาชูโรงอีกครั้ง ซึ่งทั้ง Deadpool กับ Wolverine (หรือ Wade Wilson กับ Logan) มีความสามารถในการฟื้นตัวเหมือนกัน แล้วก็มีคาแรกเตอร์ต่างกันโดยสิ้นเชิง สีคอสตูมก็คอนทราสต์กันชัดเจน มันเลยเป็นส่วนผสมที่แตกต่างอย่างลงตัว

เอาจริง จุดประสงค์หลักของการทำ Deadpool & Wolverine ก็คือ ความพยายามฟื้นตัว เกิดใหม่ หรือขุดตัวเองขึ้นมาจากหลุมอีกครั้งนี่แหละ จะเห็นได้ชัดจากฉาก mid-credits ที่ฉายเบื้องหลังการทำหนังฮีโร่เรื่องเก่า ๆ ในเครือ ทั้งเรื่องที่ปังและแป้ก ให้คนดู โดยเฉพาะแฟนหนังยุคก่อน ได้รำลึกถึงหรือไม่หลงลืมความรู้สึกดี ๆ ในวัยเยาว์ที่เคยมีให้กับหนัง X-Men และอีกหลาย ๆ เรื่องของพวกเขา (ฟีลอ้อนวอนแบบ… “กลับมาได้หรือเปล่า”)

ภาคนี้กำกับโดย Shawn Levy ซึ่งเหมือนเขาจะไม่ค่อยสันทัดแอ็คชั่นเท่าไหร่ ยิ่งเปรียบเทียบกับภาคก่อนที่กำกับโดย ผกก. John Wick ด้วยแล้ว ภาคนี้ฉากแอ็คชั่นถือว่าเบา ไม่สด ไม่แปลกใหม่ หรือน่าจดจำเท่าภาคก่อน ๆ (ยกเว้น ฉากเปิดเรื่อง อันนี้เราชอบอยู่) อาจเพราะอยู่ใต้ชายคาบ้านดิสนีย์ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ ความรุนแรงเลือดสาดมันเลยน้อยลงไปด้วย แต่ Shawn Levy มีประสบการณ์กับการทำหนังคอเมดี้เกรียน ๆ มาตั้งแต่ Night at the Museum และ Free Guy ฯลฯ ดังนั้น เรื่องไดอะล็อกพูดมาก ๆ ตลก ๆ (ซึ่ง Ryan Reynolds ก็ร่วมเขียนบทด้วย) จึงไม่มีปัญหาเลย

รวม ๆ เราว่า นี่เป็นหนังที่เหมาะกับแฟน Marvel เดนตายมากกว่าคนดูที่ไม่ได้ตามดูหนังและซีรีส์ในจักรวาลเขาทุกเรื่อง อย่างมุกที่ชวนหัวเราะดัง ๆ ส่วนใหญ่ก็เป็นมุกที่ล้อ pop culture, หนังเรื่องอื่น ๆ, จนถึงชีวิตส่วนตัวของนักแสดง ซึ่งถ้าคนรู้ ก็เก๊ต ก็ขำ แต่ถ้าคนไม่รู้ ก็อาจจะงง ๆ แล้วพวก easter eggs หรือนักแสดงรับเชิญ cameo ส่วนใหญ่ก็เป็นยุคเก่าหรือตัวที่ไม่ได้ดังมาก คนที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ก็อาจไม่อินเช่นกัน

พูดแล้วก็แอบเสียดายที่บท Cassandra Nova (Emma Corrin จาก The Crown) ฝาแฝดของ Professor X ยังมาไม่ค่อยคุ้มขุมพลังสักเท่าไหร่ ส่วน Matthew Macfadyen (จาก Succession) ที่รับบท Mr. Paradox แห่ง ATV คนนี้ขโมยซีนได้ดีสำหรับแอร์ไทม์เท่าที่มี

การเล่นประเด็นเรื่อง “โอกาสที่สอง” หรือการแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีต ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธีมมัลติเวิร์ส ก็สามารถสื่อสารออกมาได้เรียบง่ายและน้อยแต่มาก หลัก ๆ Deadpool & Wolverine เน้นที่การอยากเป็นคนสำคัญมากกว่า ซึ่งที่ผ่านมาทุกภาคของ Deadpool ก็เน้นการต่อสู้เพื่อส่วนตัวมากกว่าส่วนรวมอยู่แล้ว ความหมายของคำว่า “โลกทั้งใบ” ที่ Wade Wilson ต้องปกป้องรักษาจึงมักหมายถึงเพื่อนสนิทและครอบครัว ซึ่งนั่นเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ Deadpool เป็นฮีโร่ที่เข้าถึงง่ายและทำให้คนดูเห็นความเป็นฮีโร่ในตัวเองได้ง่ายกว่าพวก Avengers แต่อย่างที่บอกไป ภาคนี้มันมีจุดประสงค์แฝงในการสร้างนั่นคือการกลับมาง้อคนดูอย่างมีความหวัง

สุดท้าย มันก็อยู่ที่คนดูด้วยว่า จะให้โอกาสพวกเขากลับมาหรือกอบกู้โลกของพวกเขาหรือไม่

Share this:

  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)

Related

Total
0
Shares
Share 0
Tweet 0
kwanmanie

Movie Blogger | Essay Tutor

Trending Posts
  • รีวิว Materialists: คุณจะเลือกเงินหรือความรัก?
    รีวิว Materialists: คุณจะเลือกเงินหรือความรัก?
  • รีวิว Love in the Big City: เธอเหงาเราเผลอ
    รีวิว Love in the Big City: เธอเหงาเราเผลอ
  • สรุปหนังสือ MANIFEST: 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา
    สรุปหนังสือ MANIFEST: 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา
  • Homepage
    Homepage
  • รีวิว The Conjuring 3: เมื่อฆาตกรอ้างว่า The Devil Made Me Do It
    รีวิว The Conjuring 3: เมื่อฆาตกรอ้างว่า The Devil Made Me Do It
Follow Me
  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
Contact
Bangkok, Thailand
LINE ID: @kwanmanie
kwanmanieisworking@gmail.com
ABOUT KWANMANIE

ขวัญ จบอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เป็นบล็อกเกอร์ ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ ซื้อกระเป๋า เลี้ยงแมว เลี้ยงต้นไม้ และเป็นติวเตอร์ เน้นสอน Essay Writing

KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
  • Books
  • Lifestyle & Perspective
  • Study
  • About Me
Movie Blogger | Essay Tutor

Input your search keywords and press Enter.