KWANMANIE
  • Home
  • Courses
    • All Courses
    • Essay Course for Admissions
    • Private Essay Course
    • SOP & Essay Editing Service
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
      • Self Improvement Books
      • Relationship Books
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
    • How to Write a Statement of Purpose (SOP)
    • English Writing
    • General
  • About Me
    • Where to Find Me
Follow
  • Facebook
  • Twitter
  • Instagram
  • Pinterest
  • YouTube
Social Links
Instagram 5K Follow
Twitter 11K Follow
Facebook 10K Like
YouTube 7K Subscribe
TikTok
KWANMANIE
Follow
Follow
Like
Subscribe
KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
  • About Me
    • Where to Find Me
  • Self Improvement Books
  • Relationship Books
  • Films
  • Movie Reviews

รีวิว American Fiction: เทสที่สร้าง vs. ร่างที่ขายได้

  • February 28, 2024
  • kwanmanie
Total
0
Shares
0
0
0

American Fiction เป็นเรื่องราวของ Thelonious “Monk” Ellison (Jeffrey Wright จาก What If…?) อาจารย์มหาวิทยาลัยที่ถูกพักงานและนักเขียนที่หนังสือขายไม่ค่อยออก เขาได้กลับไปเยี่ยมครอบครัวที่บอสตัน และได้พบว่า Lisa พี่สาวของเขา (Tracee Ellis Ross จาก Black-ish) กำลังประสบปัญหาในการดูแลแม่ที่เริ่มมีอาการป่วยอัลไซเมอร์ (Leslie Uggams) ส่วน Clifford น้องชายของเขา (Sterling K. Brown จาก Black Panther) ก็กำลังเจอกับมรสุมชีวิตหลังหย่า โดยที่ Monk ไม่เคยรับรู้ปัญหาของพวกเขามาก่อนเลย

เพื่อหาเงินมาดูแลแม่และประชดตลาดที่ไม่ให้ค่างานเขียนของเขาในขณะที่งานเขียนที่เขามองว่า “ขยะ” อย่างของนักเขียนหญิง Sintara Golden (Issa Rae) ได้รับกระแสตอบรับที่ดีทั้งยอดขายและคำวิจารณ์… Monk เริ่มเขียนนิยาย “คนดำ” ที่ “ดำกว่าเดิม” แบบเล่น ๆ โดยใช้นามแฝง Stagg R Leigh และใส่ทุกอย่างที่เขาเกลียดแต่คนขาวรัก เช่น คนดำกับยาเสพติด คนดำกับอาชญากรรม คนดำที่ถูกพ่อทุบตี คนดำในสถานเสื่อมโทรม คนดำที่ถูกตำรวจยิงตาย ฯลฯ รวมถึงการใช้ภาษาที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นภาพจำที่คนขาวอยากรับรู้หรือมองว่า “สมจริง” เกี่ยวกับคนดำ

ต่อมานิยาย “ขยะ” ที่ Monk เขียนเล่น ๆ กลับเป็นนิยายที่ขายได้มูลค่ามหาศาล และก็มีเรื่องตลกร้ายตามมามากมาย จนถึงขั้นฮอลลีวู้ดอยากนำไปสร้างหนังเพราะเห็น “คุณค่า” และศักยภาพที่จะเป็นหนังรางวัล

“The dumber I behave, the richer I get.”

Monk เป็นตัวละครที่เหมือนจะมีพฤติกรรมไม่น่ารัก แต่การแสดงของ Jeffrey Wright และบทที่เขียนมาอย่างแยบยลโดย Cord Jefferson (จาก Watchmen) ทำให้ตัวละครนี้ยังมีความน่ารัก มีความเป็นมนุษย์เทา ๆ เช่น บางมุมเราอาจจะมองว่า Monk เป็น ignorant ทั้งต่อครอบครัวและต่อประเด็น racism ทั้งที่เขาก็เป็นคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน เพียงแต่โตมาในครอบครัวหมอที่พอมีฐานะและการศึกษาที่ดี แต่อีกแง่นึงเราก็เห็นการที่เขามองว่า “I don’t believe in race.” ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ดีไม่ดีมันอาจจะเป็นเรื่องที่ถูกด้วยซ้ำ

เช่นเดียวกัน การที่นักเขียนคู่แข่งของเขาเลือกเขียนนิยายแนวที่ขายได้ก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรือไร้คุณค่าเหมือนกัน ประเด็นนี้ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลือกทำงานที่อยากทำหรือการเลือกทำงานที่ทำเงิน (แต่อาจต้องสูญเสียอุดมการณ์และตัวตน)

“I don’t think there’s anything wrong with giving the market what it wants.”

ส่วนหนึ่งที่เรามองว่า American Fiction เป็นหนังที่ดี เพราะมันเป็นหนังที่ทำให้เราตั้งคำถาม ขบคิด ถกเถียง และวิพากษ์วิจารณ์สังคม (หรือถ้าพูดให้ถูกคือ “เสียดสี”) ความตระหนักรู้ประเด็น racism กับ African-American Culture ผ่านสายตาของคนขาว (White Gaze) ที่มองประเด็นนี้เพียงแค่ผิวเผิน เหมารวม ฉาบฉวย เพียงเพื่อให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลง และนี่คือส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้เห็นหลายวงการ หลายอุตสากรรม อย่างวรรณกรรม ภาพยนตร์ และสื่อมากมายพยายามเพิ่ม diversity โดยการเพิ่มบทบาทและ representations ของคนผิวสีในช่วงหลังมานี้ แต่หลายครั้งมันก็เป็นเพียงแค่การผลิตซ้ำของภาพจำและ stereotypes เช่น คนดำได้แต่รับบทเป็นทาสหรือคนค้ายา เป็นต้น

สิ่งที่เราตกผลึกจาก American Fiction คือ การชัดเจนในจุดยืนหรืออุดมการณ์ของตัวเองเป็นเรื่องดี แต่เราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาล ดังนั้นการพยายามคาดหวังและยัดเยียดให้คนอื่นมอง คิด เป็น หรือทำแบบเรานั้นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควร

อีกอย่างที่เราชอบคือการเปรียบเทียบการสร้างสรรค์ผลงาน (เช่น งานเขียน หรืองานภาพยนตร์) กับเหล้าของ Johnnie Walker ที่มี 3 ระดับ 3 ราคา (Red, Black, Blue) มันทำให้เรามองเห็นความบาลานซ์ของการรักษาตัวตน คุณภาพ และความอยู่รอด บางครั้งการเป็นตัวเองมากไปหรือการวางตัวสูงเกินไปมันก็ไม่พอ เราจำเป็นต้องทำอะไรที่คนเข้าถึงง่าย เป็นที่รัก และขายได้ด้วย

“White people think they want the truth, but they don’t. They just want to feel absolved.”

โดยรวม American Fiction เป็นหนังเข้าชิงออสการ์ปีนี้ทั้งหมด 5 สาขา (รวมสาขาใหญ่สุดอย่าง Best Picture) ถือเป็นหนังรางวัลระดับ Blue ที่ดูง่ายและสามารถหาดูได้ง่ายระดับ Red

สตรีมและรับชมได้แล้ววันนี้ทาง Prime Video

Share this:

  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)

Related

Total
0
Shares
Share 0
Tweet 0
kwanmanie

Movie Blogger | Essay Tutor

Trending Posts
  • รีวิว Jurassic World Rebirth: เกิด (ใหม่) มาทำไม?
    รีวิว Jurassic World Rebirth: เกิด (ใหม่) มาทำไม?
  • เที่ยวตุรกี 2023: อิสตันบูล & คัปปาโดเกีย - ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้ (EP.1)
    เที่ยวตุรกี 2023: อิสตันบูล & คัปปาโดเกีย - ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้ (EP.1)
  • Chanel Boy แท้ vs. Chanel Boy ปลอม
    Chanel Boy แท้ vs. Chanel Boy ปลอม
  • รีวิว F1 The Movie: ทำเพื่ออะไร?
    รีวิว F1 The Movie: ทำเพื่ออะไร?
  • ทำความรู้จักกับหนัง exotic ทั้ง 4 ประเภท ของกระเป๋าแบรนด์ S'uvimol
    ทำความรู้จักกับหนัง exotic ทั้ง 4 ประเภท ของกระเป๋าแบรนด์ S'uvimol
Follow Me
  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
Contact
Bangkok, Thailand
LINE ID: @kwanmanie
kwanmanieisworking@gmail.com
ABOUT KWANMANIE

ขวัญ จบอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เป็นบล็อกเกอร์ ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ ซื้อกระเป๋า เลี้ยงแมว เลี้ยงต้นไม้ และเป็นติวเตอร์ เน้นสอน Essay Writing

KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
  • Books
  • Lifestyle & Perspective
  • Study
  • About Me
Movie Blogger | Essay Tutor

Input your search keywords and press Enter.