หลายครั้งที่เราบ่น และเห็นหลายคนบ่น ว่าเมื่อไหร่ที่บ้านเราจะมีหนังไทยที่ไม่ใช่หนังรัก หนังผี หรือหนังตลกออกมาให้ได้ดูกันบ้าง ในที่สุด ปีนี้นี่แหละ ที่เราจะได้ดูหนังไทยคุณภาพที่ไม่ใช่หนังรัก หนังผี หรือหนังตลก อีกทั้งยังเป็นหนังไทยที่เราสามารถพูดได้เต็มปากว่า “ควรสนับสนุนหนังไทย ฝีมือคนไทย”
หนังเรื่อง โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง ภายใต้การผลิตของค่ายหนังทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม (ตุ๊กแกรักแป้งมาก, มิสเตอร์เฮิร์ทฯ) จัดว่าดีเกินความคาดหมายของเราและดีเกินมาตรฐานหนังไทยไปมาก มีหลายโมเมนต์ที่เรานึกว่ากำลังดูหนังต่างประเทศอยู่ สรุปสั้น ๆ ตรงนี้ได้เลยว่า รับรองว่าไม่ผิดหวังและไม่เสียดายตังค์แน่นอน
โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง เป็นเสมือนหนังกึ่งชีวประวัติ สร้างจากเรื่องจริงอันเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจของสองพี่น้องนักกีฬากอล์ฟสาวไทยติดอันดับโลก “เม เอรียา & โม โมรียา จุฑานุกาล”
คนที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงหรือไม่ค่อยได้ตามข่าวกีฬาก็อาจจะไม่คุ้นชื่อของพวกเธอนัก เพราะกอล์ฟไม่ใช่กีฬาที่คนไทยส่วนใหญ่อินนัก หากพูดถึง “น้องเม รัชนก” นักแบดทีมชาติ คนไทยอาจจะ “อ๋อ” กันมากกว่า
เราเองก็แทบไม่เคยดูกอล์ฟและมีความรู้เกี่ยวกับกอล์ฟเท่ากับศูนย์ แต่ก็ชอบหนังเรื่องนี้และดูสนุกทั้งเรื่อง เพราะ โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง ไม่ใช่หนังเกี่ยวกับกีฬากอล์ฟ หากแต่เป็นหนังของคนคนหนึ่ง… ครอบครัวครอบครัวหนึ่ง… ที่ไม่ยอมแพ้ แม้ว่าหนังจะมีพาร์ทเกี่ยวกับกอล์ฟอยู่บ้าง แต่หนังก็เล่าส่วนนี้ออกมาได้เข้าใจง่ายโดยไม่ต้องเลคเชอร์
เอาเป็นว่า นี่เป็นหนังเล่าชีวิตนักกอล์ฟสาวไทยที่แม้แต่คนที่ดูกอล์ฟไม่เป็นเลยก็สามารถดูรู้เรื่อง คล้าย ๆ กับหนังฝรั่งเรื่อง Whiplash ที่เราก็ดูสนุกได้ ทั้งที่ไม่มีความรู้เรื่องกลองหรือดนตรีแม้แต่น้อย

และหลัก ๆ หนังให้น้ำหนักไปกับประเด็นสถาบันครอบครัว ซึ่งประเด็นนี้คนไทยเข้าถึงได้ไม่ยากอยู่แล้ว จะว่าไปแล้วคนที่สำคัญที่สุดในหนังเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ โปรเม ผู้น้อง (คริสซี่ กฤษณ์สิรี สุขสวัสดิ์) หรือโปรโม ผู้พี่ (ปริม อัจฉรียา โพธิพิพิธธนากร) หากแต่เป็น สมบูรณ์ จุฑานุกาล (เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์) ผู้เป็นพ่อของสองโปรสาวนี้ซะมากกว่า
ช่วงแรก ๆ ของหนัง เป็นช่วงที่สองโปรยังเป็นเด็ก และเป็นช่วงขยี้ความบ้าของคุณพ่อมาก พ่อคือฮาร์ดคอร์ยิ่งกว่า J.K. Simmons ใน Whiplash แต่ก็เป็นช่วงสำคัญที่ทำให้คนดูได้รู้จักและได้เห็นว่าพ่อคนนี้นี่แหละคือพื้นฐานสำคัญที่ทำให้พวกเธอกลายมาเป็นนักกอล์ฟระดับโลกอย่างทุกวันนี้
ช่วงวัยเด็ก หนังขยี้หนักมาก พาเราไปดูว่าคุณสมบูรณ์เลี้ยงลูกสาวทั้งสองอย่างเคี่ยวเข็ญและสุดโต่งตั้งแต่ลูกยังเด็กอย่างไร เนื่องจากเขาตั้งใจจะปั้นให้ลูกสาวทั้งสองเป็นแชมป์โลก เขาจึงจัดแจงอาหารการกิน ระเบียบวินัย การซ้อม การออกกำลังกาย ฯลฯ พูดง่าย ๆ คือ ควบคุมและจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของลูก ๆ รวมถึงเมียของเขาด้วย (เปิ้ล หัทยา วงษ์กระจ่าง)
ยกตัวอย่าง เขาให้ลูกตื่น 4:30 น. ทุกเช้า เพื่อไปวิ่ง ก่อนจะไปเข้าโรงเรียน และขอให้ลูกไปเรียนแค่ครึ่งวัน เพราะช่วงบ่ายต้องไปซ้่อมกอล์ฟ แล้วมันก็เป็นแบบนี้ทุกวัน ๆ ลูกไม่ได้ทำกิจกรรมอื่น ลูกไม่มีเพื่อนที่โรงเรียน ลูกไม่ได้กินขนมหวาน ลูกไม่ได้มีชีวิตปกติแบบที่เด็กคนอื่นในวัยเดียวกันเค้าเป็นกัน และเค้ายอมขายบ้านขายรถ ทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อให้ลูกได้ไปแข่งกอล์ฟที่อเมริกา

ถ้าถามเรา เราคิดว่าสิ่งที่พ่อเค้าทำมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร และเข้าใจเหตุผลของเขาว่าอยากให้ลูกประสบความสำเร็จ อยากให้ลูก extraordinary ก็ต้องให้ลูกแตกต่างจากพวก ordinary อันนี้เราก็เห็นด้วย แต่เราก็คิดว่าวิธีการของเขาตึงและโหดเกินไปเสียหน่อย ยังดีที่บ้านนี้ยังมีแม่ที่ดูผ่อนปรนและอ่อนโยนอยู่บ้าง ลูกจึงไม่เครียดตายหรือเป็นบ้าไปเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม เราก็มิอาจไปตัดสินใครได้ พื้นฐานและปัจจัยชีวิตของแต่ละครอบครัวมันไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราควรมองเรื่องนี้อย่างเป็นกลาง และพยายามมองหาพลังบวกหรือแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของพวกเขาแทน ซึ่งมันมีแน่นอน
นักแสดงนำทุกคนมีพลังการแสดงอย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะคุณเอก ธเนศผู้เล่นเป็นพ่อของโปรโม-โปรเม คนนี้คือพลังล้นเหลือจริง เล่นดีจนกลัว เค้าไม่ได้อยู่ในหนังตลอดเรื่องเพราะมันจะมีช่วงที่สองโปรต้องห่างจากพ่อไป แต่สิ่งที่เค้าสร้างมาตั้งแต่ต้น ทั้งความโหด ความกดดันต่าง ๆ มันสร้างบรรยากาศมาคุให้หนังตลอด สื่อให้เห็นชัดเจนเลยว่าพ่อมีอิทธิพลต่อโปรสาวทั้งสองแค่ไหน
บางคนอาจมองว่าคุณเอกเล่นใหญ่เกินเบอร์ไปนิด บางทีเราก็แอบคิดเช่นนั้น แต่บางทีเราก็คิดว่า มันไม่เว่อร์เกินไปนักหรอก เวลาเห็นคุณพ่อของสองโปรบนจอ เราก็คิดถึงคนที่บ้านของเรา เวลาเค้าดุด่าเรา ถึงแม้จะไม่โหดเท่าคุณพ่อในเรื่อง แต่คนที่บ้านเราก็อินเนอร์แรงใส่ลูกใส่หลานเบอร์ใหญ่ไม่น้อยคือ ๆ กัน เพราะผู้ใหญ่แต่ละคนก็ล้วนคาดหวังให้ลูกหลานเป็นอย่างที่เค้าหมายมั่น เราจึงคิดว่าคนอย่างคุณสมบูรณ์แบบที่คุณเอกถ่ายทอดมานั้น มันมีอยู่จริงในชีวิตจริงจริง ๆ
นอกจากประเด็นสถาบันครอบครัวคือรากฐานแห่งความสำเร็จ (และ/หรือ ความล้มเหลว) แล้วนั้น หนังยังพยายามชี้ว่า กว่าโปรเมจะเป็นแชมป์โลก เธอก็มีทั้งจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดในชีวิตเป็นกราฟขึ้นลงตามปัจจัยที่แปรผันในแต่ละช่วงเวลาชีวิตของเธอเหมือนกัน ดังนั้น มันจึงเป็นหนังที่พวกเราควรไปดู ไม่ใช่เพื่อสนับสนุนหนังไทยที่มีคุณภาพการสร้างที่ดีเกินมาตรฐานเท่านั้น แต่อยากให้ไปดู เพราะคุณจะได้แรงบันดาลใจหรือ passion ในการต่อสู้เพื่อเป้าหมายและเพื่อครอบครัวของคุณต่อไป

เราชอบซีนระเบิดอารมณ์ระหว่างพ่อกับโปรเมที่ร้านอาหาร หลังจากพ่อเดินออกไป โปรเมนั่งกินสเต๊กที่พ่อกินค้างไว้ต่อทั้งน้ำตา ในจานของพ่อนั้น พ่อหั่นสเต๊กเป็นชิ้นพอดีคำไว้ก่อนแล้ว ชอบการสื่อความหมายที่จะบอกเป็นนัย ๆ ว่า โปรเมจะสานต่อความฝันและเป้่าหมายที่พ่อสร้างไว้
ซีนการแข่งขันสนามสุดท้าย มีการตัดไปตัดมาที่ยังไม่ค่อยสมูธอยู่บ้าง แต่ก็ไม่แย่ และเราก็ชื่นชมในความพยายามของคนทำหนังอยู่ไม่น้อย ซีนนี้เป็นซีนที่ตอกย้ำว่า กีฬากอล์ฟไม่ใช่กีฬาที่ต้องแข่งขันกับใครนอกจากตัวเอง ในหนังเหมือนจะเล่าว่าโปรเมกำลังแข่งกับนักกีฬากอล์ฟอีกคนหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกัน หนังก็แสดงให้เห็นด้วยว่า จริง ๆ แล้ว โปรเมกำลังพยายามเอาชนะสิ่งที่ติดค้างหรือปมในใจของตนเองและก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้อยู่ด้วย
ซึ่งฉากแข่งกอล์ฟสนามสุดท้ายซึ่งเป็นไคลแมกซ์ของเรื่องนี้ ก็ทำให้เราลุ้นหลังติดเบาะราวกับกำลังอยู่ติดขอบสนามและเป็นครอบครัวของโปรเมด้วยจริง ๆ ทั้งที่เราไม่เคยดูกอล์ฟมาก่อนเลยในชีวิต
โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง ฉายรอบพิเศษ 8 – 14 ส.ค. (รอบ 18:30 น. เป็นต้นไป) และฉายจริง 15 ส.ค. นี้
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 8/10
34 comments
Comments are closed.