KWANMANIE
  • Home
  • Courses
    • All Courses
    • Essay Course for Admissions
    • Private Essay Course
    • SOP & Essay Editing Service
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
      • Self Improvement Books
      • Relationship Books
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
    • How to Write a Statement of Purpose (SOP)
    • English Writing
    • General
  • About Me
    • Where to Find Me
Follow
  • Facebook
  • Twitter
  • Instagram
  • Pinterest
  • YouTube
Social Links
Instagram 5K Follow
Twitter 11K Follow
Facebook 10K Like
YouTube 7K Subscribe
TikTok
KWANMANIE
Follow
Follow
Like
Subscribe
KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
  • About Me
    • Where to Find Me
  • Self Improvement Books
  • Relationship Books
  • Books
  • Lifestyles & Perspectives
  • Nonfiction
  • Self Improvement Books

สรุปหนังสือ Journal: จัดระเบียบใจ

  • January 22, 2024
  • kwanmanie
Total
0
Shares
0
0
0

โดยส่วนตัว ช่วงหลังมานี้เรา keep journaling เป็นประจำอยู่แล้ว การอ่านหนังสือ “Journal จัดระเบียบใจ“ ซึ่งผ่านการค้นคว้าหรือรีเซิชมาอย่างดีโดยผู้เขียนผู้มากประสบการณ์ จึงเป็นเหมือนการคอนเฟิร์มความคิด ความรู้สึก หรือความคิดเห็นของเราที่มีต่อผลลัพธ์ของการจดบันทึกเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เราไม่ใช่แค่เชื่อ แต่เราได้เห็นและค้นพบพลังของการจดบันทึกจริง ๆ เราจึงอยากนำข้อสรุปที่เราได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้มาแบ่งปันให้ทุกคนที่สนใจได้อ่านและมีแรงบันดาลใจในการเริ่มเขียน journal ของตัวเองกันค่ะ

Book Title: Journal จัดระเบียบใจ
Author: Tensei Yoshida
แปลไทย: นพรดา ศิริเสถียร
จัดพิมพ์: สนพ. We Learn
Year: 2023
📌 พิกัดหนังสือ https://s.shopee.co.th/8AEx117OLW
@kwanmanie

📝 สรุปหนังสือ Journal: จัดระเบียบใจ ของ Tensei Yoshida 1. การทำสมาธิด้วยการจดบันทึก = mindfulness meditation ช่วยในโฟกัสกับปัจจุบัน มีสมาธิระหว่างวัน เพิ่ม productivity 🧘‍♀️ 2. Journaling ช่วยค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่ในใจ ค้นพบคำตอบอันคาดไม่ถึง ได้ทบทวนเรื่องราวตามความเป็นจริง 3. Jounaling ช่วยจัดการความรู้สึก เรียบเรียงความคิด 4. Journaling ช่วยลดความเครียด ระบายพลังงานลบ 5. Journaling เป็น deep talk คุยกับตัวเอง ฝึกเห็นอกเห็นใจตัวเอง เข้าใจความต้องการที่แท้จริง รู้จักตัวตนหลายมิติ รวมถึงด้านแย่ ๆ เพราะเราไม่ต้องแคร์สายตา ค่านิยม หรือกรอบความคิดใครเวลาบันทึก 6. Journaling ช่วยกระตุ้น creativity, ทักษะการตั้งคำถาม, ทักษะการพัฒนาตัวเองด้านต่าง ๆ และการรับมือกับปัญหา 7. สำคัญ! แนะนำจดบันทึกแบบอิสระ เขียนไม่คิด, แนะนำเขียนมือ และเน้น consistent (แนะนำอย่างน้อย 10 นาที/วัน) เช่น Morning Pages (อ่านสรุปคำแนะนำการจดบันทึกเพิ่มเติมได้บนบล็อกของเรา) ===== 📝 โน้ต ความคิดเห็นส่วนตัว ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เรา keep journaling ด้วยการเขียนมือเป็นประจำ แล้วพบผลลัพธ์และการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกอย่างเห็นได้ชัด การอ่านหนังสือ “Journal จัดระเบียบใจ“ ซึ่งผ่านการค้นคว้าหรือรีเซิชมาอย่างดีโดยผู้เขียนผู้มากประสบการณ์ ก็เป็นเหมือนการคอนเฟิร์มความคิด ความรู้สึก หรือความคิดเห็นของเราที่มีต่อผลลัพธ์ของการจดบันทึกเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เช่น มี 2-3 ครั้งที่เราเคยคิดหาหนทางของปัญหาไม่ตก แต่เขียนไปเขียนมา ก็ปิ๊งไอเดียเฉย และมีช่วงนึง เรารู้สึก down มากกับเรื่องในอดีตที่เรา held onto แต่พอเขียนถึงมันติดต่อกันไปสักระยะเวลาหนึ่ง วันนึงเรา finally let it go ได้ และเหมือนได้เกิดใหม่เป็นคนละคนจริง ๆ เราไม่ใช่แค่เชื่อ แต่เราได้เห็นและค้นพบพลังของการจดบันทึกจริง ๆ เราจึงอยากนำข้อสรุปที่เราได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้มาแบ่งปันให้ทุกคนที่สนใจได้อ่านและมีแรงบันดาลใจในการเริ่มเขียน journal ของตัวเองกันค่ะ ✍🏻 อ่านสรุปฉบับเต็ม https://www.kwanmanie.com/journal-book-summary/ #journal #bookreview #booksummary#booktok #booktokker#selfimprovement#หนังสือ หนังสือแนะนำ แนะนำหนังสือ #รีวิวหนังสือ

♬ ใดต่อจี (ดีต่อใจ) (Speed Up) – Shineboys

การทำสมาธิด้วยการจดบันทึก

  • การจดจ่อ (Mindfulness) หรือการรับรู้และเอาใจใส่อย่างลึกซึ้งต่อสถานการณ์ในปัจจุบันของตัวเอง เช่น สภาพจิตใจ, ความสามารถ, ทรัพยากร คือ พื้นฐานของการรู้จักตัวเอง
  • การจดจ่อ คือ การเปิดใจยอมรับสภาพจิตใจที่เป็นอยู่และสถานการณ์ที่เราควบคุมไม่ได้ ช่วยเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเรื่องเหล่านั้น ลดความรู้สึกเชิงลบ รักษาความรู้สึกเชิงบวก และดึงเอาศักยภาพ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ที่ซ่อนอยู่ภายในออกมา
  • การทำสมาธิแบบจดจ่อ (Mindfulness Meditation) หรือการโฟกัสกับ “ปัจจุบัน” มีหลายวิธี แต่หนังสือเล่มนี้เน้นการจดจ่อโดย “การทำสมาธิด้วยการเขียนหรือการจดบันทึก” ซึ่งทำได้จริง สนุก และง่าย
  • การจดบันทึก ณ ที่นี้ไม่ใช่แค่การระบาย หรือการบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันอย่างเรียบง่าย แต่เป็นการจดบันทึกเพื่อมุ่งไปข้างหน้า เป็นการค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่ในจิตใจและทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ตาม “ความเป็นจริง” หรือ “อย่างที่มันเป็น”
  • โลกเต็มไปด้วยความซับซ้อนและความไม่แน่นอน เราจึงควรจดจ่อ “อยู่กับปัจจุบัน” เพื่อให้ตัวเองสามารถแสดงศักยภาพในตอนนี้ออกมาได้อย่างเต็มที่ การฝึกเขียนควบคู่ไปกับการจดจ่ออยู่กับปัจจุบันช่วยให้อ่านสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
  • การเขียนทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์

การจดบันทึกกับสภาพร่างกายและจิตใจ

  • การจดบันทึกช่วยส่งเสริมและฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ (หรือ Resilience) โดยเฉพาะหลังจากการเผชิญความเครียด สร้างคามหมายให้ตัวเองในอดีต รวมทั้งเรียกความมั่นใจในการใช้ชีวิตในปัจจุบันและอนาคตกลับคืนมา
  • การทำสมาธิด้วยการจดบันทึกควรทำเป็นประจำ เพื่อให้มีสมาธิและจดจ่ออยู่กับการใช้ชีวิตในแต่ละวันได้มากขึ้น
  • การเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นและความรู้สึกที่มีต่อเรื่องราวนั้นทำให้ความทรงจำที่เป็นปมในใจปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ส่งผลให้ปรับตัวเข้ากับความรู้สึกของตัวเอง ผู้อื่น และสังคมได้ดีขึ้น
  • การจดบันทึกในหัวข้อที่ช่วยค้นหาเป้าหมายจะช่วยลดความเครียด เพราะคนที่มีเป้าหมายชัดเจนจะอดทนต่อความเครียดได้ดีกว่า
  • การจดบันทึกช่วยทำให้มีสมาธิ ทำให้จิตใจที่วอกแวกกลับมามั่นคง ช่วยจัดการความรู้สึก และเรียบเรียงความคิด

การจดบันทึกกับการค้นพบหรือรู้จักตัวเอง

  • การเขียนคือการคอนเฟิร์มความคิดของตัวเองอีกทีหนึ่ง เป็นการคุยกับตัวเอง หรือ deep talk กับตัวเอง ซึ่งทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น พอเข้าใจตัวเองมากขึ้น มันก็จะทำให้เรามองเห็นความหมายของเรื่องราวในอดีตเปลี่ยนแปลงไป
  • การทำความเข้าใจตัวเองผ่านการจดบันทึกจะทำให้ได้ค้นพบกับตัวตนอันหลากหลายของตัวเอง เช่น ตัวตนใหม่ ตัวตนที่มีมาแต่เดิม หรือตัวตนที่เกือบหลงลืมไป เพราะเราไม่จำเป็นต้องสนใจสายตาใครในตอนจดบันทึก เราสามารถออกความคิดเห็นได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องยึดติดกับค่านิยมหรือกรอบความคิดแบบเดิม ๆ
  • การค้นพบตัวตนอันหลากหลายที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของตัวเองนั้นสำคัญยิ่งกว่าการยึดติดกับตัวตนใดตัวตนหนึ่งเพียงอย่างเดียว (ตัวตนที่เราตระหนักรู้ส่วนใหญ่มักเป็นตัวตนเพียงด้านเดียวของตัวเอง)
  • เราอาจจะเจอตัวตนที่ตัวเองไม่ชอบ การเขียนเกี่ยวกับตัวตนที่ตัวเองไม่ชอบก็อาจทำให้เรารู้สึกแย่ แต่การทำสมาธิคือ “การจดจ่ออยู่กับความจริงหรือสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ณ ขณะนี้” หรือ “การตระหนักรู้ถึงภาวะที่ตัวเองเป็นอยู่” ดังนั้น การสนใจแต่สิ่งที่ตัวเองชอบมันไม่ใช่แนวทางของการทำสมาธิ ในทางกลับกัน หากเราไม่เผชิญหน้ากับความรู้สึกที่อยากหลีกหนี เราก็จะไม่สามารถมีความสุขได้ ถ้าเราตระหนักได้ว่าทำไมตัวเองจึงอยากหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น ๆ ก็ยิ่งจะช่วยให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น (Positive หรือการมองโลกแง่บวก จริง ๆ แล้วคือการเปิดใจยอมรับสถานการณ์หรือเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเป็นกลาง และมองเห็นเรื่องดี ๆ ที่ซ่อนอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้าย)
  • สมมติ ขณะที่กำลังนั่งหรือยืนรออะไรสักอย่าง แทนที่จะเล่นสมาร์ตโฟนหรือนั่งเหม่อลอย ลองจดบันทึกระยะสั้นสัก 1 นาที
  • การเชื่อมต่อกับโลกภายนอกตลอดเวลาถือเป็นการตัดขาดจากตัวเองด้วยเช่นกัน ยิ่งให้ความสนใจกับโลกออนไลน์หรือเรื่องของคนอื่นโดยไม่รู้ตัวมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีเวลาให้ตัวเองน้อยลงเท่านั้น
  • การจดบันทึกความรู้สึกเป็นวิธีระบายรูปแบบหนึ่ง สิ่งสำคัญที่เราจะได้คือ self-compassion ซึ่งคนที่มีความเห็นอกเห็นใจตัวเองจะไม่สูญเสียแรงจูงใจเพียงเพราะปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้

การจดบันทึกกับความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนาตัวเอง

  • การจดบันทึกช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการตั้งคำถาม และทักษะการพัฒนาตัวเองในด้านต่าง ๆ เช่น การเขียน Morning Pages หรือการจดบันทึกลงสมุดหลังตื่นนอนให้ได้ 3 หน้าทุกเช้า โดยไม่ต้องใช้สมอง แต่ใช้ความรู้สึกอย่างอิสระ และเมื่อเราเขียน Morning Pages ติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่ง เราจะพบกับพลังที่หลับใหลอยู่ภายในอย่างไม่คาดฝัน
  • การพิมพ์กับการเขียนใช้สมองคนละส่วนกันและพื้นที่สมองที่ได้รับการกระตุ้นก็แตกต่างกัน การเขียนด้วยมือนั้นร่างกายกับจิตใจจะเป็นหนึ่งเดียวกัน จะช่วยกระตุ้นสมอง พัฒนาความสามารถในการจดจำ (ข้อมูลติดอยู่ในความทรงจำนานขึ้น) การทำความเข้าใจแนวคิดใหม่ ๆ และการแยกแยะว่า “อะไรสำคัญ”

การจดบันทึกอย่างอิสระ กับการค้นพบ เผชิญหน้า และแก้ไขปัญหา

  • สิ่งที่เขียนอาจจะกลายเป็นคำบอกใบ้ว่าเราควรรับมือกับปัญหาหรือเรื่องที่อยู่ตรงหน้าแบบไหนและความปฏิบัติต่อไปอย่างไร
  • ฝึก “เขียนโดยไม่คิด” หรือ “ขยับมือเขียนก่อนคิด” เพราะมันมีโอกาสเขียนความเป็นจริงออกมาได้มากขึ้น การจดบันทึกด้วยวิธี “เขียน ๆ ไปก่อน” หรือ “การจดบันทึกอย่างอิสระ” จะส่งให้มีโอกาสเข้าใกล้สิ่งที่ไม่เคยตระหนักมาก่อน โดยเฉพาะการเขียนเกี่ยวกับคำถามที่ยังหาคำตอบไม่ได้ เพราะความทรงจำในอดีตหรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคำถามนั้นอาจจะเผยออกมาจากจิตใต้สำนึก
  • การจดบันทึกด้วยการเขียนอย่างอิสระ เป็นการถอดฟิลเตอร์ที่มองตัวเองอย่างผิดเพี้ยนออก ช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและสร้างแรงผลักดันให้เกิดการมองผ่านฟิลเตอร์ที่เป็นกลางและยอมรับตัวเองอย่างที่เราเป็น (เช่น การตัดใจเพราะคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ทั้งที่ทำได้)
  • ถึงแม้ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไร ก็ขยับมือเขียนไปเรื่อย ๆ (เช่น ไม่รู้จะเขียนอะไร ยากจังเลย ใครจะไปคิดออก ฯลฯ) พลางคิดเกี่ยวกับหัวข้อที่กำหนดไว้ การขยับมือเขียนต่อไปทั้งที่คิดว่าไม่มีอะไรให้เขียนแล้วคือความสนุกของการจดบันทึก
  • บางครั้งตอนแรกเราจะคิดว่าตัวเองเขียนแต่เรื่องที่เหมือนจะไร้สาระ แต่เมื่อเขียนเสร็จแล้ว จะตระหนักถึงบางสิ่งที่สำคัญ เช่น “ความจริงแล้ว ฉันต้องการอย่างนี้หรือนี่” การเขียนแม้เพียงประโยคเดียวก็สามารถนำพาไปสู่เรื่องราวได้หลายรูปแบบ
  • ยิ่งขยับมือเขียนมากเท่าไร ใจจริงของตัวเองก็จะยิ่งเผยออกมามากเท่านั้น เหมือนกับการที่เราค่อย ๆ กระเทาะเปลือก ถ้าเราเขียนเกี่ยวกับหัวข้อเดิมซ้ำไปซ้ำมา เปลือกที่ว่านั้นก็จะหลุดออกจนเหลือให้เห็นเพียงความปรารถนาที่แท้จริงซึ่งซ่อนอยู่ภายใน ยิ่งเขียน ตัวตนที่แท้จริงก็จะยิ่งเผยออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ
  • ปล่อยมือจากคำตอบที่ถูกต้องหรือตายตัว แล้วลองคิดและเขียนอย่างอิสระ

วิธีการจดบันทึก

  • จดบันทึกเมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ แต่ควรกำหนดเวลาเอาไว้ เพื่อให้ทำได้สม่ำเสมอ และแนะนำให้เลี่ยงเวลาก่อนเข้านอน เพราะบางคนอาจตื่นตัวจนนอนไม่หลับ
  • จดบันทึกในเวลาและสถานที่ที่ไม่มีอะไรมา distract
  • จดบันทึกเป็นประจำอย่างน้อย 3-4 ครั้ง/สัปดาห์
  • กรณีมีเรื่องกังวลใจหรือต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ ๆ ก็ให้จดบันทึกในหัวข้อเดิมหรือหัวข้อที่มีความใกล้เคียงกันซ้ำ ๆ เป็นประจำ โดยเลือกประสบการณ์ที่เป็นปมในใจหรือปัญหาที่ก่อเกิดความเครียดมาเป็นหัวข้อในการจดบันทึก
  • กำหนดรูปแบบการจดบันทึกด้วยตัวเอง (แต่แนะนำการเขียนบนกระดาษมากกว่า ตามที่กล่าวไปข้างต้น)
  • การพูดคุยกับผู้อื่นเกี่ยวกับเนื้อหาที่เขียนหรือสิ่งที่ตระหนักได้จากการจดบันทึกนับว่าเป็นหนึ่งในวิธีการที่ดี
  • ระยะเวลาในการจดบันทึกแต่ละครั้ง
    • ระยะยาว (20 นาที) เพื่อเผชิญหน้ากับปัญหาโดยตรง และอาจจะนำไปสู่การค้นพบวิธีการแก้ไขป้ญหาที่เหมาะสม ควรทำติดต่อกันอย่างน้อย 4 วัน หากเป็นไปได้ควรเขียนในช่วงเวลาเดียวกันของทุกวัน
    • ระยะกลาง (10-15 นาที) เพื่อทบทวนชีวิตในแต่ละวัน หรือจดเพื่อค้นหาหนทางในเรื่องที่ต้องตัดสินใจที่อาจจะไม่ได้สำคัญอะไรมากมายแต่พอจะมีเวลาคิด
    • ระยะสั้น (5 นาที) เพื่อตรวจสอบสภาพร่างกายและจิตใจ ทำได้ทุกวัน อาจจะตอนเช้าสัก 1 หัวข้อ และเย็นอีก 1 หัวข้อ หรือพกสมุดเล่มเล็ก ๆ ไว้ใช้ในระหว่างวัน
  • เมื่อจดบันทึกเสร็จแล้ว ควรย้อนกลับมาอ่านเนื้อหาที่ตัวเองเขียนด้วย เพื่อสำรวจความรู้สึกที่เกิดขึ้นหรือสิ่งที่ตัวเองตระหนักได้ ช่วยให้สามารถควบคุมร่างกายและจิตใจของตัวเองได้ด้วย ที่สำคัญอย่าลืมจดฟีดแบ็ก เพราะมันจะช่วยให้สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของการจดบันทึกในครั้งถัดไปได้ง่ายขึ้น
  • การรักษาความรู้สึก “อยากทำต่อ” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด: เครื่องเขียน สภาพแวดล้อม โต๊ะ
  • ใน 1 วัน จะจดบันทึกกี่ครั้งก็ได้ แต่การค่อย ๆ จดบันทึกไปทีละน้อยแต่เป็นประจำ ย่อมดีกว่าการทุ่มเทเวลาเขียนเยอะ ๆ ในครั้งเดียวแต่นาน ๆ เขียนที (ควรตั้งเป้าหมายให้จดบันทึกนานกว่า 10 นาทีอย่างน้อยวันละครั้ง)
📌 พิกัดหนังสือ https://s.shopee.co.th/8AEx117OLW

Share this:

  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)

Related

Total
0
Shares
Share 0
Tweet 0
kwanmanie

Movie Blogger | Essay Tutor

Trending Posts
  • Homepage
    Homepage
  • รีวิว Mona Lisa Smile : 1950s Feminist
    รีวิว Mona Lisa Smile : 1950s Feminist
  • รีวิว The Covenant: ทหารเมกัน ล่ามอัฟกัน และตาลีบัน
    รีวิว The Covenant: ทหารเมกัน ล่ามอัฟกัน และตาลีบัน
  • ทำความรู้จักกับหนัง exotic ทั้ง 4 ประเภท ของกระเป๋าแบรนด์ S'uvimol
    ทำความรู้จักกับหนัง exotic ทั้ง 4 ประเภท ของกระเป๋าแบรนด์ S'uvimol
  • สรุปหนังสือ Journal: จัดระเบียบใจ
    สรุปหนังสือ Journal: จัดระเบียบใจ
Follow Me
  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
Contact
Bangkok, Thailand
LINE ID: @kwanmanie
kwanmanieisworking@gmail.com
ABOUT KWANMANIE

ขวัญ จบอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เป็นบล็อกเกอร์ ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ ซื้อกระเป๋า เลี้ยงแมว เลี้ยงต้นไม้ และเป็นติวเตอร์ เน้นสอน Essay Writing

KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
  • Books
  • Lifestyle & Perspective
  • Study
  • About Me
Movie Blogger | Essay Tutor

Input your search keywords and press Enter.