KWANMANIE
  • Home
  • Courses
    • All Courses
    • Essay Course for Admissions
    • Private Essay Course
    • SOP & Essay Editing Service
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
      • Self Improvement Books
      • Relationship Books
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
    • How to Write a Statement of Purpose (SOP)
    • English Writing
    • General
  • About Me
    • Where to Find Me
Follow
  • Facebook
  • Twitter
  • Instagram
  • Pinterest
  • YouTube
Social Links
Instagram 5K Follow
Twitter 11K Follow
Facebook 10K Like
YouTube 7K Subscribe
TikTok
KWANMANIE
Follow
Follow
Like
Subscribe
KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
    • Movie Reviews
    • Series
  • Books
    • Nonfiction
    • Fiction
  • Lifestyle & Perspective
    • Fashion & Beauty
    • Food & Restaurant
    • Plants
    • Productivity
    • Thoughts
    • Travel
    • Misc.
  • Study
  • About Me
    • Where to Find Me
  • Self Improvement Books
  • Relationship Books
  • Lifestyles & Perspectives
  • Thoughts

ของฝากนักก๊อป

  • October 16, 2014
  • kwanmanie
Total
0
Shares
0
0
0

เป็นดราม่าครึกโครมในโลก social network (ไม่แน่ใจว่าแค่ในวง twitter หรือเปล่า) หลังมีคนพบว่าบทความหน้าหนึ่งในหนังสือ “360 Inspire” ของคุณวินัย พัดสอน (@WinaiPadsorn) บังเอิญเหมือนกับ tweet หนึ่งของคุณเหมี่ยว (@Meawzilaz) โดยคุณวินัยได้ชี้แจงว่าเป็นความบังเอิญ

โดยส่วนตัว ตอนแรกก็ไม่คิดจะออกความเห็นหรือประจานใคร เพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องของจิตสำนึกคน เจ้าของต้นฉบับเขามาร้องเรียนถึงที่แล้ว คนเซินเจิ้นก็น่าจะน้อมรับความผิดและแก้ไขของเขาเองได้ แต่ผลปรากฏว่า คุณวินัยไม่ได้แสดงความรู้สึกสำนึกผิด แสดงความรับผิดชอบ หรือกล่าวคำขอโทษอย่างจริงใจเลย ทำให้เราอดอยู่นิ่งดูดายเฉยๆ ไม่ได้

Screen Shot 2557-10-16 at 3.14.12 PM

ในฐานะที่ทำงานอยู่ในวงการหนังสือ แม้จะเพียงไม่นาน แต่ก็พอเข้าใจว่าหนังสือรวมทวีตคำคมถือเป็นหนังสือที่เป็นขยะทางวรรณกรรมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพราะคำคมหลายๆ คำคมก็เป็นเพียงคำพูดลอยๆ ไร้ตรรกะ และสักแต่เล่นคำเก๋ๆ ให้คมๆ แต่ไม่ได้ให้สาระหรือแก่นแท้ที่แท้จริงแก่ผู้อ่าน มิหนำซ้ำหนังสือรวมคำคมส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่เอาเปรียบผู้บริโภค และสิ้นเปลืองทรัพยากรป่าไม้มาก เพราะพิมพ์แต่ละหน้าๆ มีแค่ไม่กี่บรรทัด และใช้ตัวอักษรขนาดเท่าฝาหม้อแกง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก แทนที่จะเอากระดาษไปให้เด็กด้อยโอกาสฝึกเขียน ก ไก่ – ฮ นกฮูก กลับต้องเอามาให้นักก๊อปใช้เป็นเครื่องมือในการโจรกรรมความคิดของคนอื่น ตอนเราเป็นบรรณาธิการ (บ.ก.) เล่ม “เราไม่ได้อยู่คนเดียวอยู่คนเดียว” ของพี่จิระเบล (@jirabell) เรายึดหลักเลยว่า ถ้าจะทำหนังสือที่ based on tweets ล่ะก็ ต้องทำอย่างไรก็ได้ให้หนังสือเล่มนั้นไม่เป็นหนังสือที่รวมทวีตที่มีหน้าละ 2 บรรทัดง่อยๆ แบบหนังสือรวมทวีตหลายๆ เล่มที่กำลังวางแผงอยู่ตามท้องตลาด บทสรุปตอนนั้นพี่จิระเบลก็ได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลผู้ทรงอิทธิพลทางความรู้สึกและเป็นแรงบันดาลใจให้ทวีตข้อความนั้นๆ ขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมา เรากล้าพูดโดยไม่กลัวใครหาว่าอวยเลยว่า “เราไม่ได้อยู่คนเดียวอยู่คนเดียว” เป็นหนังสือที่ทรงคุณค่าทางจิตใจและมีสาระคู่ควรแก่การอ่านที่สุดเล่มหนึ่ง

แต่โชคร้ายแก่ผู้บริโภคที่หนังสือรวมคำคมหลายเล่มไม่ได้เป็นไปแบบ “เราไม่ได้อยู่คนเดียวอยู่คนเดียว” หากแต่สักแต่ทำเอาง่าย หลายสำนักพิมพ์เลือกหยิบจับนักเขียนตามกระแส กล่าวคือเลือกนักเขียนจากบุคคลที่มียอด followers เยอะๆ (อย่างน้อยหลักหมื่นหรือหลักแสนขึ้นไป) โดยคนที่เป็นบ.ก. ซึ่งไม่ได้มีส่วนช่วยในการ produce เนื้อหาหนังสือแต่แรกแล้ว (เพราะแค่บอกนักเขียนให้ไปขุดคำคมเก่าๆ ของตนมา copy & paste ส่งเป็นต้นฉบับ) ก็ไม่ได้ใส่ใจพอว่านักเขียนคิดเองเขียนเองจริงหรือไม่ แล้วแน่นอนว่า พอถูกจับได้ว่าหนังสือรวมคำคมนั้นๆ คัดลอกงานคนอื่นมา ก็ยิ่งฉุดหนังสือประเภทดังกล่าวให้ตกต่ำดิ่งเหวลงไปอีกในแวดวงวรรณกรรม

Print

เราไม่แน่ใจว่า ก่อนตีพิมพ์ คุณวินัยได้จ้าง professional editor หรือเปล่า มีสำนักพิมพ์ดูแลหรือไม่ แต่ถ้าว่ากันตามหลักแล้ว ต่อให้เป็นคนเขียนหนังสือเก่งแค่ไหน ก็ควรมีบ.ก. ประจำเล่มช่วยชี้แนะแนวทางหรือข้อบกพร่องของงานเขียน ไม่ใช่มั่นหน้าพิมพ์เองขายเองแบบไม่แคร์คุณภาพ เพราะนั่นส่อให้เห็นว่าคุณรักตัวเองมากกว่าคนอ่าน คุณตีพิมพ์เพราะคุณอยากขาย ไม่ใช่สนใจผู้อ่านเป็นหลัก แต่ถ้าหาก 360 Inspire (หรือ 360 Copy ถ้าหากต้องเปลี่ยนชื่อ) มีบ.ก. หรือสำนักพิมพ์ดูแล เราก็สงสัยอยู่ดีว่า เขาไม่คัดกรองบทความหน่อยหรือ และเขาไม่ได้บอกคุณวินัยหรอว่า หนังสือที่ดีควรมีการเขียนคำขอบคุณ (acknowledge) กับอ้างอิง (reference) อย่างครบถ้วน เพื่อไว้บอกคนอ่านว่า งานของเรา ‘คัดลอก/ดัดแปลง/ได้รับแรงบันดาลใจ’ มาจากที่ไหนบ้าง อย่างไรก็ดี เหตุการณ์นี้คงเป็นอุทาหรณ์ให้แก่คนทำหนังสือได้บ้างว่า ถึงเวลาแล้วที่สำนักพิมพ์ควรตระหนักว่า ไม่ควรสักแต่เลือกนักเขียนที่ยอด like หรือยอด followers มิฉะนั้นธุรกิจตัวเองอาจจะ fall และคนอ่านอาจจะ fail ไปมากกว่านี้ก็เป็นได้

ในส่วนของนักเขียนเอง มันสำคัญมากๆ ที่เขาจะต้องภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นคนเขียนเอง ไม่มีใครอยากเห็นสิ่งที่ตัวเองคิด สิ่งที่ตัวเองเขียน ไปปรากฏอยู่กับชื่อของคนอื่น คนที่ลอกงานของคนอื่นไปเผยแพร่เพื่อสร้างเรตติ้งให้ตัวเอง นั่นก็ว่าแย่แล้ว คนที่ลอกงานของคนอื่นเพื่อไปทำประโยชน์เชิงการค้า แย่ยิ่งกว่า แต่ไม่ว่าจะทำไปเพื่อกรณีใด การลอกก็คือการลอก ความผิดก็คือความผิด มันเป็นการละเมิดลิขสิทธิ ผิดกฎหมาย และเจ้าของเดิมสามารถฟ้องร้องได้หากจำเป็น

คนอเมริกันจะซีเรียสกับเรื่องการโจรกรรมทางความคิด (Plagiarism) นี้มาก บางรายถึงกับเรียกค่าเสียหายกันถึงขั้นหมดตัวหรือล้มละลายกันเลยทีเดียว ซึ่งเรามองว่าเป็นตัวอย่างที่ดีนะ เพราะถ้าหากกฎหมายลิขสิทธิไม่รัดกุมหรือเข้มงวดพอ คนขี้ก๊อปก็จะไม่เกรงกลัวต่อบทลงโทษ กล่าวคือ พอถูกคนจับได้ว่าก๊อปปี้ ก็แค่ออกมาขอโทษสั้นๆ และแสร้งแสดงความเสียใจง่ายๆ แล้วก็จบไป ซึ่งเขาก็ยังคุ้มอยู่ เพราะถ้าเทียบกับเงินทองและชื่อเสียงที่เขาได้จากการก๊อปปี้ครั้งนั้น คำขอโทษถือว่าเป็นค่าชดเชยที่ราคาถูกเกินไป

มันไม่ผิดที่คนเราจะกระหายชื่อเสียงและเงินทอง เราเองก็อยากดัง เราเองก็อยากรวย แต่มันก็ควรเป็นไปในทางที่ถูกที่ควร อย่างเช่น ถ้าคุณอยากดังจากการเขียนหนังสือที่คุณรัก พื้นฐานหนึ่งของนักเขียนคือคุณต้องเป็นนักคิดก่อน ถ้าคิดไม่ได้ก็ไม่ต้องเขียน ไม่ใช่ไปลอกความคิดของคนอื่นมาเขียน มันไม่ถูกต้อง

การจะเป็นคนดังนั้นง่ายกว่าเป็นคนเก่ง เพราะเหตุนี้ เราจึงเห็นคนเคยได้เป็นดาราเยอะกว่าคนได้เป็นด็อกเตอร์ แต่อย่าลืมว่า การเป็นคนเก่ง ยังไงๆ ก็ยืนยาวกว่าการเป็นคนดัง ถ้าจะดังก็ต้องดังด้วยสติปัญญาและความสามารถของจนเอง ถ้าอยากได้รับการยอมรับจากสังคม คุณต้องยอมรับและศรัทธาในสติปัญญาหรือความสามารถของตนเองก่อน คือคุณจะต้องฝึกฝนเองให้เก่งจนเป็นมืออาชีพ และไต่ไปให้ถึงขั้นที่คุณฝันด้วยตัวเอง ถ้าคุณไม่ได้สร้างชื่อเสียงจากความสามารถของตนเอง ไม่ช้าก็เร็ว คุณก็จะดับของคุณเอง แม้ว่าจะไม่มีใครจับความผิดของคุณได้หรือไม่ก็ตาม…

/ บทความนี้เรียบเรียงจากทวีตใน https://twitter.com/kwanmanie

Share this:

  • Click to share on Facebook (Opens in new window)
  • Click to share on Twitter (Opens in new window)
  • Click to share on Pinterest (Opens in new window)

Related

Total
0
Shares
Share 0
Tweet 0
kwanmanie

Movie Blogger | Essay Tutor

95 comments

Comments navigation

Newer comments
  1. Pingback: windows activate 2020
  2. Pingback: 바카라 성능 사이트
  3. Pingback: http://funkymedia-opinie.pl/
  4. Pingback: live sex cams
  5. Pingback: 12 bet.com
  6. Pingback: gay porn
  7. Pingback: couchtuner
  8. Pingback: new-movies123.com
  9. Pingback: THC Vape Oil
  10. Pingback: head shop

Comments navigation

Newer comments

What's in your mind? Cancel reply

Trending Posts
  • รีวิว Jurassic World Rebirth: เกิด (ใหม่) มาทำไม?
    รีวิว Jurassic World Rebirth: เกิด (ใหม่) มาทำไม?
  • เที่ยวตุรกี 2023: อิสตันบูล & คัปปาโดเกีย - ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้ (EP.1)
    เที่ยวตุรกี 2023: อิสตันบูล & คัปปาโดเกีย - ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวได้ (EP.1)
  • Chanel Boy แท้ vs. Chanel Boy ปลอม
    Chanel Boy แท้ vs. Chanel Boy ปลอม
  • รีวิว F1 The Movie: ทำเพื่ออะไร?
    รีวิว F1 The Movie: ทำเพื่ออะไร?
  • ทำความรู้จักกับหนัง exotic ทั้ง 4 ประเภท ของกระเป๋าแบรนด์ S'uvimol
    ทำความรู้จักกับหนัง exotic ทั้ง 4 ประเภท ของกระเป๋าแบรนด์ S'uvimol
Follow Me
  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter
  • YouTube
Contact
Bangkok, Thailand
LINE ID: @kwanmanie
kwanmanieisworking@gmail.com
ABOUT KWANMANIE

ขวัญ จบอักษรศาสตร์ จุฬาฯ เป็นบล็อกเกอร์ ชอบดูหนัง อ่านหนังสือ ซื้อกระเป๋า เลี้ยงแมว เลี้ยงต้นไม้ และเป็นติวเตอร์ เน้นสอน Essay Writing

KWANMANIE
  • Home
  • Courses
  • Films
  • Books
  • Lifestyle & Perspective
  • Study
  • About Me
Movie Blogger | Essay Tutor

Input your search keywords and press Enter.