เรื่องย่อ The Last Five Years
Cathy Hiatt (Anna Kendrick) สาวเสิร์ฟในบาร์ผู้มีความฝันอยากมีนักแสดงละครบรอดเวย์ พบรักกับ Jamie Wellerstein (Jeremy Jordan) นักศึกษาหนุ่ม Columbia University ผู้มีความฝันอยากเป็นนักเขียนนิยายชื่อดัง
วันหนึ่ง ในปี 2010 Jamie ได้ออกหนังสือกับสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง เขาโด่งดังเป็นพลุแตกโดยไม่ทันตั้งตัวทั้งๆ ที่ยังอายุแค่ 23 ปี เขาลาออกจากการเรียนมหาวิทยาลัย และพา Cathy มาอยู่อพาร์ตเมนต์หรูด้วยกันใน New York City
ในขณะที่ Jamie ประสบความสำเร็จขึ้นไปเรื่อยๆ Cathy ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับการออดิชั่น และพบว่าตนเองไม่มีอะไรเข้ากับโลกใบใหม่ของแฟนหนุ่มของตัวเองได้เลย ทั้งสองประคองซึ่งกันและกันกว่า 5 ปี จนในที่สุดก็ถึงจุดที่ต้องตัดสินใจจากลา…
“ในวันที่มีปัญหากัน เราจะพยายามนึกถึงวันแรกที่ตกลงเป็นแฟนกัน และทบทวนเรื่องราวทุกข์สุขที่ผ่านมา” (หนังไม่ได้พูด @kwanmanie พูดเอง)
รีวิว วิจารณ์ วิเคราะห์ The Last Five Years
1. อะเมซิ่งแอนนา
The Last Five Years กำกับและเขียนบทภาพยนตร์โดย Richard LaGravenese (ผู้เขียนบท P.S. I Love You และ Unbroken) ดัดแปลงมาจากละครเวทีมิวสิคัลของ Jason Robert Brown ตัวหนังก็จะเป็นหนังที่ร้องเพลงทั้งเรื่อง เรียกได้ว่าเป็นหนัง musical ล้วนเกือบ 100% เลยก็ว่าได้ (มีไดอะล็อกพูดน้อยมากๆ) ซึ่งเข้าทาง Anna Kendrick (จาก Twilight, Up in the Air, Pitch Perfect, และ Into the Woods) นางเอกของเรื่องอย่างยิ่ง
นักแสดงสาวสวยมากความสามารถ Anna Kendrick ได้โชว์ทั้งฝีไม้ลายมือการแสดงควบคู่ไปกับการร้องเล่นเต้นระบำมาแล้วหลายเรื่อง แต่ The Last Five Years นี้ถือเป็นเรื่องแรกที่เธอได้โลดแล่นเดี่ยวๆ อย่างเต็มที่ ชนิดที่ไม่ต้องแบ่งบทบาทกับใครและไม่มีใครมาแย่งซีนเธอ (โดยส่วนตัว ชอบเวลาเธอร้องเพลงที่แสดงอารมณ์โกรธ จังหวะรุนแรง หรือไม่ก็เพลงที่เต้นไปด้วย ยิ่งดูยิ่งทึ่งในความสามารถของเธอ)
ตลอดทั้งเรื่อง Anna Kendrick ต้องเข้าฉากร้องเพลงคู่กับ Jeremy Jordan พระเอกอยู่แทบทุกเพลง แต่เธอก็ยังโดดเด่นมีพลังแม้กระทั่งซีนซีนนั้นจะเป็นเพลงที่ Jeremy Jordan กำลังร้องนำอยู่ก็ตาม ส่วนหนึ่งก็เพราะความสวย แต่ส่วนสำคัญก็คือเสียงร้องและแอ็คติ้งของเธอ ที่ดูแล้วยังไงๆ ก็น่ามองน่าฟังตลอดเวลา
เดือนนี้ (May 2015) Anna Kendrick มีหนังที่เธอแสดงเข้าโรงถึง 3 เรื่อง 3 วีค นอกเหนือจาก The Last Five Years เรื่องนี้แล้ว ก็ยังมี Pitch Perfect 2 และ The Voices ตามลำดับ (ตามรอบฉายประเทศไทย) แหม จะว่าไปแล้ว เธอมาไกลจากบทตัวประกอบ หรือบทเพื่อนนางเอก Bella Swan (Twilight 2008) อยู่โขเลยทีเดียวเนอะ
2. เพลง
อย่างที่บอกไปแล้วข้างต้นว่าหนังเรื่องนี้ร้องเพลงทั้งเรื่อง คือร้องเพลงยิ่งกว่า Begin Again ส่วนเรื่องความไพเราะและเนื้อหาของเพลง เราว่า Begin Again เขาทำเพลงได้ติดหูกว่า แต่ The Last Five Years มีจุดแข็ง (มาก) ที่ความสามารถของ Anna Kendrick นอกจากนี้เราว่าเรื่องนี้ใช้เพลงเล่าเรื่องและถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคนได้ดีกว่า ในส่วนของแนวเพลงก็คงแล้วแต่คนชอบ ฟังคลิปตัวอย่างเพลงซาวนด์แทร็กในหนังตามคลิปด้านล่างนี้ก่อนได้ มีครบทุกเพลงในหนังเลย
โดยส่วนตัวเราชอบเพลงที่ Anna Kendrick ร้องเกือบทุกเพลง ตั้งแต่ See I’m Smiling, A Part of That, A Summer In Ohio (แต่ต้องดูภาพประกอบตอนนางร้องและเต้นไปด้วยนะ), และ Climbing Uphill (เพลงนี้มีการแซะทีม cast หนังเรื่อง Les Miserables กับ Russell Crowe ด้วยนะ ตลกดี) ลองฟังคร่าวๆ ดู
อ่อ จริงๆ เพลงสุดท้ายตอนจบก็ชอบนะ แต่ชอบแค่ท่อนที่ Anna Kendrick ร้องอย่างเดียว LOL
3. ช้างเท้าหลัง หรือช้างเท้าขวา
เราเกิดในสังคมไทยที่ปลูกฝังกันมายาวนานว่า “ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง” คอยซัพพอร์ตผู้ชายหรือสามีให้ได้ดีมีหน้ามีตา คู่สามีภรรยาจะได้อยู่กันได้ยืนยาวแบบถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร แต่ใน The Last Five Years ทำให้เราเห็นแล้วว่าสำนวนนั้นมันไม่ได้ใช้ได้จริงทุกคู่เสมอไป โดยเฉพาะกับคู่ที่ต่างฝ่ายต่างก็มีความฝันอันยิ่งใหญ่เป็นของตนเองแตกต่างกันคนละเส้นทาง
ผู้หญิงไม่ได้เกิดมาเป็นช้างเท้าหลังกันเสียทุกคน และไม่ได้แปลว่าผู้หญิงทุกคนจะเกิดมาเป็นช้างเท้าหน้า เราเชื่อว่าส่วนใหญ่เราก็อยากเป็นเท้าที่เดินข้างๆ กัน เดินไปด้วยกัน และเดินไปพร้อมๆ กันมากกว่า และที่สำคัญคนจะคบกันมันจะต้องมีมากกว่าความรัก ทั้งสองควรจะมีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน และมีปัญญา
ลองสมมติตัวเองเป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึง ที่มีแฟนเป็นคนเด่นคนดัง เวลาไปออกงานหรือไปไหนมาไหน เราก็เป็นได้แค่เงาตามตัว อยู่ข้างหลังที่ไม่มีใครมองเห็น ไม่มีใครสำเหนียกว่าเราเป็นแฟนเขา (หรือต่อให้จดจำได้ ก็ไม่ใส่ใจอะไร นอกจากขอให้ช่วยถ่ายรูปคู่ให้หน่อย) เราเหมือนอยู่ใน “โลกของเขาที่ไม่มีเราก็ได้” ทั้งๆ ที่กว่าที่เขาจะมายืนถึงจุดนี้ได้ เราก็เป็นส่วนหนึ่งในแต่ละก้าวของเขาเหมือนกัน
คบกันใหม่ๆ แรกๆ อะไรๆ ก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้และทนกันไหวทุกอย่างนั่นแหละ แต่พอคบไปสักพักก็จะรู้ว่า สักวันนึง วันที่อะไรๆ ไม่เหมือนเดิมมันก็มาถึง อย่างคู่พระนางคู่นี้ที่อยู่ในเมืองที่ขึ้นชื่อว่าทุกอย่างหมุนไปไวตลอดเวลา Jamie ชินกับการเป็น New Yorkers และปรับตัวกับชีวิตใหม่ได้ดี เขาก้าวเร็วขึ้น เร็วขึ้น และเร็วขึ้นยังกับวิ่ง 100 เมตร ในขณะที่ Cathy ซึ่งเป็นสาว New Jersey บ้านๆ เคยชินกับชีวิตธรรมดาที่ไม่เร่งรีบ จึงตามแฟนไม่ค่อยจะทัน และปรับตัวไม่ได้กับสังคมมหานคร แล้วเมื่อเท้าหน้ามันไปไวเกินไป เท้าหลังก็ตามตลอดไปไม่ไหว คนที่เคยเข้ากันได้ก็กลายเป็นเข้ากันไม่ได้
ดังนั้น ถ้าเราจะคบใครสักคน เราอยากให้เป็นความสัมพันธ์แบบช้างเท้าซ้าย-ช้างเท้าขวามากกว่า และขอให้คนคนนั้นกับเราเป็นคู่ที่ศรัทธาเท่า ศีลเท่า จาคะเท่า และปัญญาเท่าด้วย เพราะสมัยนี้… แค่รักอย่างเดียว มันคงไม่พอเสียแล้ว…
4. สรุป 7/10
โดยสรุป ถ้า Begin Again เป็นหนังใช้ดนตรีเล่าเรื่องที่ดีที่สุดในปีที่แล้ว ปีนี้ก็คงมี The Last Five Years เป็นเบอร์หนึ่งนี่แหละ แต่ก็เอาสองเรื่องนี้ไปเทียบกันไม่ได้ซะทีเดียวนะ เพราะ The Last Five Years มันออกแนวมิวสิคัลบรอดเวย์ไปเลย จะร้องเพลงทั้งเรื่อง
หนังเรื่องนี้เหมาะกับคนที่ชอบแนวมิวสิคัลหรือพวกละครบรอดเวย์อยู่แล้ว รวมถึงแฟนๆ Anna Kendrick นี่ยังไงก็มาดูเถอะ ไม่ผิดหวังในตัวนางอย่างแน่นอน นางเกิดมาก
ถ้าเป็นบุคคลทั่วไปที่สนใจลองดูหนังแนวนี้ เอาจริงๆ ก็เหมาะกับทุกเพศทุกวัย (ยกเว้นเด็กๆ ลงไปหน่อย อาจจะต้องระวังเมานม) แต่ที่เห็นว่าจะเหมาะที่สุดก็คงเป็นคนวัยทำงานหยกๆ เรียนจบใหม่ๆ หรือกำลังเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความฝัน เราว่าโอเคเลย :)
43 comments