เคยมีกระทู้หนึ่งในเว็บฯ พันทิป ผู้ชายคนหนึ่งตั้งถามว่า “จะจีบสาวที่จบบัญชีหรืออักษรฯ จุฬาฯ ควรมีโปรไฟล์ระดับไหน?” แต่ตอนนั้นฉันยังไม่ทันจะได้อ่านเนื้อหาข้างใน กระทู้นั้นก็ถูกลบไปเสียก่อน
โดยส่วนตัว ฉันไม่ค่อยเข้าใจคนที่ตั้งกระทู้ถาม “วิธีจีบหญิง” เพราะฉันไม่เข้าใจว่าคนเราจะจีบใครสักคน จำเป็นต้องมาถามคนทั้งโลกก่อนด้วยหรือ อย่างมากก็น่าจะถามคนใกล้ตัวของคนที่เราจะจีบก็พอแล้วว่าเขาคนนั้นชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ฯลฯ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว ผู้หญิงไม่ได้เหมือนกันทั้งโลก… (แน่นอน~ ไม่ต้องห่วงค่ะว่าผู้หญิงทุกคนจะเหมือนฉันที่………..สเป็คสูง……..~)
ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า
ผู้หญิงไม่ใช่เป็นผลผลิตที่ออกมาจากสายพานในโรงงานอุตสาหกรรม
ขนาดกระเป๋าแบรนด์ Balenciaga แต่ละใบๆ ยังหนังไม่เหมือนกันเลย (เป็นกิมมิกของแบรนด์ รอยยับและสีหนังของกระเป๋าแต่ละใบจะแตกต่างกัน) หรือตุ๊กตาเฟอร์บี้แต่ละตัวสำเนียงมันยังไม่เหมือนกันเลย
ในฐานะที่เรียนคณะอักษรฯ จุฬาฯ ฉันกล้าพูดเลยว่า ผู้หญิงคณะนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงคณะอื่นๆ หรือมหา’ลัยอื่นๆ ที่อักษรฯ จุฬาฯ ก็มีผู้หญิงหลากหลายประเภท ตั้งแต่สาวเนิร์ด ใส่แว่น ลุคอาซิ้ม สาวธรรมดา สไตล์บ้านๆ คุณหนูผู้ดี เรียบร้อยใสๆ จนไปถึงสาวมั่น ไฮโซ ลุคเปรี้ยวไม่แคร์สื่อ ฯลฯ
ดังนั้นการจีบสาวคณะนี้จึงไม่มีเงื่อนไขพิเศษเพิ่มเติมอะไรจากทฤษฎีการจีบสาวทั่วไปเลย ถ้าจะยากก็อาจจะยากนิดหน่อยตรงที่อักษรศาสตร์เป็นคณะคอนแวนต์ (คณะหญิงล้วน) เด็กอักษรฯ บางคนจึงอาจไม่สันทัดกับการรับมือกับผู้ชาย ถ้ามีผู้ชายเข้ามารุกหรือวอแวมากๆ ก็อาจทำตัวไม่ถูกบ้างอะไรบ้าง ซึ่งแต่ละคนก็ต้องใช้เวลาและวิธีแตกต่างกันไป
ที่อักษรฯ เต็มไปด้วยสาวโสดและกะเทยโฉด โดยทั่วไป จึงไม่ค่อยมีใครมีแฟนเป็นตัวเป็นตนกันหรอก เด็กอักษรฯ ที่ได้แฟนตั้งแต่สมัยเรียนนั้นจะต้องเก่งมาก (นี่อยากจะสะกิดถามว่า “เธอๆ เธอเรียนวิชาเลือกตัวไหน เธออยู่ชมรมอะไร ฉันจะตามไปอยู่มั่ง!”)
ความเห็นส่วนตัว สาเหตุหลักๆ ที่เด็กอักษรฯ ส่วนใหญ่มักโสด
ประการแรก… คงเป็นเพราะ คนนอกด่วนคิดไปเองว่า “สวยขนาดงี้ เก่งขนาดงี้ รวยอีกต่างหาก ต้องมีแฟนแล้วแน่ๆ เลย” ทั้งๆ ที่ความเป็นจริง สาวสวยแสนเพอร์เฟ็กต์คนนั้น อาจจะกำลังใช้ชีวิตโสดมีระดับอยู่บนคานทองอักษรานิเวศอยู่ก็ได้ (ดังนั้นถ้าชอบก็จีบ ชอบก็จีบเลยเซ่ ชูวับ ชูวับ วู้!)
ประการสอง… พวกเธอต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองลับแล ไม่ค่อยได้เจอผู้ชายแท้ๆ กับเขาเท่าไหร่
และอีกประการ… ที่เด็กอักษรฯ ส่วนใหญ่มักโสด… คือ มักถูกสังคมภายนอกมองว่าเป็น “ผู้หญิงไฮเอ็นด์”
เมื่อถูกแปะสติกเกอร์เป็น “ผู้หญิงตลาดบน” ก็ทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้าเข้ามาจีบไปกันใหญ่ เสากระไดบ้านแห้งแตกระแหงยิ่งกว่าแผ่นดินในเอธิโอเปีย เพราะคนทั่วไปชอบคิดเองเออเองว่านางคนนี้มีแฟนแล้วแน่ๆ หรือไม่ก็ นางคนนี้คงเรื่องมาก หัวสูง สเป็กสูงแน่ๆ กูจีบไม่ติดหรอก ไม่จีบดีกว่า เป็นต้น
ในขณะที่ ผู้หญิงตลาดกลาง ประเภทที่สวยไม่มาก น่ารักกำลังดี ฐานะปานกลาง และไม่เก่งโอเว่อร์ จะมีคนมาจีบเยอะกว่า เพราะดูเข้าถึงง่ายกว่า น่าจะคุยภาษาเดียวกัน ชีวิตการกินอยู่คล้ายๆ กัน และมีโอกาสจีบติดสูงกว่า
แต่อย่างไรก็ตาม พวกตลาดบนสุด (แบบบนจริงๆ) เขาก็ไม่ได้น้ำแห้งจนน่าสงสารซะทีเดียวเสมอไป เพราะถึงแม้เธอจะไม่ค่อยมีผู้ชายเข้ามาจีบเยอะ แต่ถ้ามีเข้ามาจีบสักคนนึง ก็จะเจอผู้ชายที่หล่อระดับดารา หรือระดับไฮโซ ตามคอนเซ็ปต์รูปหล่อ พ่อรวย เรียนจบนอก โปรไฟล์ดีเว่อร์ๆ เรียกได้ว่าถึงจะด้อยปริมาณ แต่คุณภาพแต่ละคนก็คับกล่องมาก ว่าไม่ได้จริงๆ
นอกจากนี้ ถึงแม้เด็กอักษรฯ จะเรียนอักษรฯ เพื่อศึกษามนุษย์ แต่เด็กอักษรฯ หลายคน อาจมีความเพ้อฝันประหนึ่งทุกคนเรียนเอกและโทตัวเดียวกันคือ “เอกมโน โทดราม่า” เช่น การได้แต่งงานกับผู้ชายที่หล่อและโปรไฟล์ดีเป็นหนึ่งในความฝันของผู้หญิงอักษรฯ (อันที่จริง ก็เป็นความฝันของสาวๆ แทบทุกคนทุกคณะนั่นแหละ) มันอาจเหมือนเป็นอุดมคติที่ถูกปลูกฝังมาจากนิยาย วรรณกรรม ละคร หรือภาพยนตร์ที่ซึมซับมา (ทั้งจากที่ดูเอง อ่านเอง และในวิชาเรียน)
แต่เอาเข้าจริง ในชีวิตจริง ผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าโปรไฟล์เลอค่าทุกรูปนาง เขาจะเลือกผู้ชายที่โปรไฟล์ดีเลิศประดุจเจ้าชายในเทพนิยายทุกรายไปหรือไม่?
ฉันเชื่อว่าไม่…
ผู้ชายทุกคนก็เหมือนผู้หญิง ไม่ได้ถูกส่งออกมาจากสายพานโรงงาน ทุกคนต่างมีคุณค่าพิเศษแตกต่างกันตามปัจเจกทั้งนั้น เช่น คุณค่าแบบ Limited Edition ที่หายากยิ่งกว่าตามหาผู้ชายที่มีเงินหรือมีใบปริญญาดีกรีสูงๆ หรืออาจจะมีคุณค่าพิเศษเฉพาะตัว (Special Feature) ที่คลิกที่ใช่ ตอบโจทย์หรือตรงกับความสนใจของผู้หญิงคนนั้นพอดิบพอดี
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นใคร เพศอะไร เกรดไหน ดีกรีอะไร ก็ควรมั่นใจในความพิเศษในตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพยายามเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ หรือเอา “ความพยายามเหมือน” มาสานความสัมพันธ์ แทนที่จะเอา “ความเหมือนจริงๆ” กับ “ความแตกต่าง” มาเป็นตัวเชื่อม ถ้าจะจีบใครสักคน ฉันคิดว่า “ความแตกต่าง” นั้นเป็นจุดขายที่ดีทีเดียว อะไรที่ตัวเค้าไม่มี ไม่เคยเรียนรู้ หรือไม่เคยพบเจอ มีแนวโน้มว่าเค้าจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ ฉันเชื่ออย่างนั้น
บางทีฉันก็รู้สึกว่าตัวเองได้เรียนรู้และอยู่กับอะไรๆ ที่เป็นภาษา หรือเป็นมนุษยศาสตร์มามากเกินพอ จนไม่อยากจะได้อีกครึ่งหนึ่งของชีวิตเป็นอะไรที่เหมือนเราเอง กลัวเบื่อ กลัวเอียนตายทั้งชาติ
ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องสาขาที่จบมาเท่านั้น แต่รวมถึงความเหมือนความต่างในด้านอื่นๆ ด้วย เช่น ฐานะ การศึกษา หรือรูปร่างหน้าตา เพราะฉันมองว่า…
การที่คนสองคนจะคบกัน มันไม่มีกฎตายตัวเหมือน Grammar ว่า… “หน้า And กับหลัง And ต้อง Parallel กันเสมอ”
สังเกตผู้หญิงตลาดบนดูก็ได้ จะเห็นว่าพวกเธอไม่ค่อยชอบใช้ของแมส (Mass Products) ถ้าไม่จำเป็น อะไรที่หาซื้อได้ง่ายๆ ตามร้านสะดวกซื้อก็ไม่ค่อยอยากจะใช้ หรือเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า อะไรที่มันเกร่อๆ ใส่แล้วไปชนชาวบ้าน พวกเธอจะไม่ชอบเด็ดขาด
แต่ทั้งนี้ ไม่ได้บอกว่า ผู้หญิงตลาดบนจะต้องใช้สินค้าแบรนด์หรูราคาแพงเสมอไป เพราะเครื่องสำอางที่ราคาแพงที่สุดยังไม่ถูกจริตกับหนังหน้าของผู้หญิงไฮโซทุกคนเลย (เช่น แป้ง Chanel หนังหน้าบางคนเขาก็แพ้นะ ต้องใช้แป้ง Maybelline New York ไรงี้) สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมเฉพาะบุคคลอยู่ดี
ที่สำคัญ ผู้ชายทั้งหลายไม่จำเป็นต้องพยายามเป็น “มิสเตอร์เพอร์เฟ็คต์” เหมือนในนิยายหรือแผ่นฟิล์มที่สาวๆ ชอบดู เพราะสาวอักษรฯ บางคนก็ศึกษาคาแร็กเตอร์เหล่านั้นมาจนเอียนพอแล้ว (สอบทีอ้วกที) ถ้าเธออยากฟินกับผู้ชายแบบนั้นอีกเมื่อไหร่ เปิดหนังสือไปอ่าน หรือเปิดดีวีดีดูเองอีกสักทีเมื่อไหร่ก็ได้
อีกอย่างพระเอกในหลายๆ เรื่อง แม้กระทั่งตัวเอกของเชคสเปียร์ ก็ไม่ได้เป็นเจ้าชาย ลอร์ด หรืออภิมหาเศรษฐี ไปซะหมดทุกเรื่อง
จริงมั้ยคะ…?
42 comments
Good story. People will hang out with a guy same type as them. But they would love someone that differ from them and have a same level of seen, jakha, panya, srattha.
ก็เห็นสเปคสูงกันเกือบทุกคนเลยนิครับสาวตลาดบน
จะไม่ให้คนมีโปรไฟล์กลัวยังไงไหว โดนเมินออกจะบ่อย