Green Book ดูเป็นหนังเล็ก ๆ ที่สร้างจากเรื่องจริงของคนสองคน ที่ดูเหมือนจะธรรมดา แต่ทว่าเข้าชิงลูกโลกทองคำไปแล้ว 5 สาขา ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (ประเภทตลก), ผู้กำกับยอดเยี่ยม (Peter Farrelly จาก There’s Something About Mary), บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Mahershala Ali), และนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Viggo Mortensen)
ชื่อเรื่อง Green Book มาจากชื่อหนังสือคู่มือการเดินทางของคนผิวสี เช่น โรงแรมไหนที่คนผิวสีเข้าพักได้ ร้านอาหารไหนที่คนผิวสีเข้าไปใช้บริการได้ ห้องน้ำที่ไหนเข้าได้ไม่ได้ ฯลฯ ซึ่งมันก็เหมือนเล่าเรื่อง racial discrimination ทั่วไป ไม่ได้มีอะไรใหม่มาก ค่อนข้างจะ cliche เสียแล้วด้วยซ้ำในทศวรรษนี้ แต่เรื่องราวหลัก ๆ จริง ๆ ของเรื่องคือความสัมพันธ์ของคู่หูต่างสีผิว
ชายผิวขาว Frank Anthony Vallelonga หรือ Tony Lip (Viggo Mortensen จาก The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring) ได้รับการว่าจ้างให้ไปเป็นคนขับรถและผู้ดูแลประจำตัวของนักเปียโนผิวสี Don Shirley (Mahershala Ali จาก Moonlight) ตลอดทริปการทัวร์คอนเสิร์ต ทั้งสองแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งเชื้อชาติ สีผิว การศึกษา ชนชั้นฐานะ และอุปนิสัยใจคอ แต่สุดท้ายพวกเขาก็พบทางสายกลางและปรับตัวอยู่ด้วยกันได้อย่างแฮปปี้
Don Shirley นี่ถือว่าเป็นแกะดำที่แท้ทรู กล่าวคือ ในยุค 1960s เป็นยุคที่การเหยียดผิวยังรุนแรงมากอยู่แล้ว แล้วเขายังถือว่าไม่เหมือนกับคนผิวสีคนอื่น ๆ ในยุคนั้น ตรงที่เขามีดีกรีระดับด็อกเตอร์ มีการศึกษา พูดได้หลายภาษา และมีกิริยามารยาทเหมือนผู้ดีไฮโซ อีกทั้งยังแทบไม่คุ้นเคยกับอะไร ๆ ในวัฒนธรรมแอฟริกันเลย (ซึ่ง Mahershala Ali ก็แสดงได้จริตจก้านเป๊ะมาก) ถึงแม้เราเองจะเคยดูหนังแนวนี้มาก็หลายเรื่อง พอจะได้เห็นเรื่องราวที่น่าเห็นใจของคนผิวสีอยู่ไม่น้อย แต่ต้องยอมรับว่าคนผิวสีแบบ Don Shirley ก็ยังไม่ค่อยได้เห็นมากเท่าไหร่นัก
ส่วน Tony Lip ซึ่งถึงแม้จะเป็นคนผิวขาว แต่ก็เป็นคนอิตาเลียนที่มาอยู่อเมริกา ฐานะหาเช้ากินค่ำ และไม่มีการศึกษา (Viggo ต้องเพิ่มน้ำหนัก 30 ปอนด์ และฝึกพูดสำเนียงบรองซ์ เพื่อให้เหมือนตัวจริงมากที่สุด ซึ่งเขาก็ทำได้ดี สมแล้วที่ได้เข้าชิงนำชายยอดเยี่ยม) ดังนั้นเขาก็ถือว่าเป็นคนที่ถูกคนอีกกลุ่มในสังคมดูถูกเหยียดหยามมาบ้างเหมือนกัน
ถ้าถามว่า Green Book เป็นหนังดีไหม สำหรับเราเราคิดว่ามันไม่แย่อะ และทำให้เรามีความสุข อมยิ้ม และหัวเราะตลอดโร้ดทริป ทั้งที่หนังก็มีประเด็นเจ็บ ๆ จุก ๆ หรือเรื่องดราม่าอยู่ตลอดทางก็ตาม แต่มันก็ยังลงเอยที่ความสุขได้อยู่ดีนะ โดยรวม มันก็เป็นหนึ่งในหนังโร้ดทริปที่เราชอบมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่งเลยแหละ ดูแล้วฟีลกู้ด และก็แนะนำให้ไปดูกันเยอะ ๆ
คะแนนตามความชอบส่วนตัว 8/10
39 comments
Comments are closed.