มีการประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า ตั้งแต่ 14 ต.ค. 2014 เป็นต้นไป ประเทศไทยได้ย่างเข้าสู่หน้าหนาวโดยสมบูรณ์แล้ว ซึ่งหลายคนคงพอจะรู้สึกหรือสัมผัสได้บ้างจากอากาศเย็นๆ ในยามเช้าตรู่ช่วงนี้
ถ้านึกถึงการท่องเที่ยวไทยในหน้าหนาว คนส่วนใหญ่คงนึกถึงภาคเหนือเป็นอันดับต้นๆ เป็นแน่ และแน่นอน “เชียงใหม่” เป็นหนึ่งในจังหวัดต้นๆ ที่เป็นที่นิยมไปท่องเที่ยวในหน้าหนาวๆ แบบนี้ โดยเฉพาะแถบสูงๆ อย่างบนดอยสวยๆ ทั้งหลายของเชียงใหม่
เราเองก็เคยไปเชียงใหม่มาหลายครั้ง ล่าสุดที่ไปคือช่วง 14-19 พ.ค. 2014 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อน ตอนนั้นกะไปเพื่อพักผ่อนจากการทำงานเฉยๆ ไม่ได้กะไปช่วงซีซั่นหรือเทศกาลแบบเคย ซึ่งก็มีข้อดีไปอีกอย่างคือเที่ยวสบาย ไปไหนก็ไม่ค่อยมีฝูงคนมาแย่งซีนถ่ายรูป (แต่ทัวร์จีนก็ยังเยอะอยู่ดี)
ทริปนั้นเราไปเที่ยวคนเดียว แต่ก็มีเพื่อนที่อยู่เชียงใหม่คอยพาเที่ยวด้วยบ้าง เราไปทั้งหมด 6 วัน 5 คืน ใช้งบประมาณ 4,000 บาท (ส่วนใหญ่เป็นค่ากิน กิน และกิน) อ้อ และก็เราไม่เสียค่าที่พักนะ เพราะพักบ้านเพื่อน
โดยเริ่มจาก ตอนนั้นเราจองตั๋วเครื่องบิน Air Asia แบบโปรฯ ราคาถูก ไป-กลับ ไม่ถึง 2,000 บาท (รวมทุกอย่างแล้ว) โดยจองล่วงหน้าไว้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน เม.ย. 2014 เพื่อเป็นการบังคับตัวเองไปเที่ยวทางอ้อม เพราะปกติเราทำแต่งานทุกวันๆ ไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย
หมายเหตุ รูปอาจจะไม่สวยมาก เพราะถ่ายจาก iPhone 4S อย่างเดียว
DAY 1
- ไฟล์ท 11.50 น. แต่เราเห่อไปถึงสนามบินดอนเมืองตั้งแต่ 9.00 น.
- เพราะปกติเป็นคนตื่นสาย คืนก่อนไปก็เลยตื่นเต้น กลัวตกเครื่อง เห่อไปแต่เช้าเลย
- เจอเพื่อนที่จุฬาฯ นางเป็น steward ของ Air Asia ดูแลไฟล์ทนั้นพอดี รู้สึกดีมากๆ โลกกลม
- เราบินไปคนเดียว แต่บังคับเพื่อนอีกคนนึงที่ทำงานอยู่เชียงใหม่ให้ไปเที่ยวเป็นเพื่อน
- ที่พักฟรี เพื่อนที่มีบ้านอยู่เชียงใหม่เค้าให้ยืมกุญแจบ้านมาพักฟรี ประหยัดไปได้หลายบาทเลย
- ถึงเชียงใหม่ 13.05 น. ตรงเวลาเป๊ะ เครื่องบินเขาตรงเวลาและรวดเร็วจริงๆ ยังไม่ทันงีบเลย
- เพื่อนคนที่อยู่เชียงใหม่แว๊นซ์มารับที่สนามบิน และพาไปเก็บสัมภาระที่ที่พัก
- พอหายเมื่อยแล้ว สถานที่ที่แรกที่ไปคือ ข้าวซอยเสมอใจ (ฟ้าฮ่าม) เจ้าเก่าที่เขาว่าอร่อย
- ก่อนไปเราว้อนท์ข้าวซอยมาก ถือเป็น mission เลยทีเดียวว่า ไปเชียงใหม่ ต้องฟาดข้าวซอยให้ได้อย่างน้อยสองมื้อ
- จำไม่ได้ว่า ข้าวซอยเสมอใจ ราคาเท่าไหร่ วันนั้นสั่งหมูสะเต๊ะแชร์กับเพื่อนด้วย เบ็ดเสร็จมื้อนั้นเราจ่ายไปแค่ 50 บาท แต่อิ่มมาก
- พอฟินกับภารกิจแรกแล้ว ก็ไป ห้วยตึงเฒ่า
- ค่าเข้า 20 บาท
- ที่นี่เป็นทะเลสาบน้ำจืด คนเชียงใหม่ชอบไปเล่นน้ำประหนึ่งเป็นทะเลบางแสน
- บรรยากาศดี เหมาะแก่การปิกนิก เงียบสงบมาก
- นั่งพักผ่อนริมน้ำจนอิ่มใจก็ไปคลายร้อนแถวนิมมานฯ ต่อ
- เพื่อนพาไปกินไอติม iberry ของโน้ต-อุดม สั่งถ้วย 3 scoops หารกัน จ่ายคนละ 80 บาท
- ที่จริงที่กรุงเทพฯ ก็มี iberry แต่ก็ไม่เคยกิน มากินที่เชียงใหม่นี่แหละ
- มีไอติมรสแปลกๆ เยอะดี ร้านก็น่ารักดี มาชิมบรรยากาศไปด้วย
- วันที่เราไป ไม่เจอลูกค้าคนไทยเลยสักโต๊ะ มีแต่ทัวร์จีน ทัวร์จีน และฝรั่ง นานาชาติ
- มื้อเย็น เพื่อนพาไปกินซูชิใกล้ๆ มช ชื่อร้าน Tsunami Sushi
- เป็นซูชิราคาถูก รสชาติก็สมราคา ร้านคนเยอะตลอดเวลา
- เราเป็นคนชอบทานซูชิอยู่แล้ว มื้อนั้นจัดไปหลายคำ ค่าเสียหาย 210 บาท
DAY 2
- เช้าวันที่สองของทริป เติมพลังที่ร้านโจ๊กศรีพิงค์ ราคา 35 บาท
- รสชาติโอเค แต่ไม่ค่อยชอบหมูของเค้าเท่าไหร่ บอกไม่ถูก แต่ก็น่าจะแล้วแต่คนชอบ
- อิ่มแล้วก็ไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพ
- แดดร้อนมากถึงมากที่สุด แต่ดีที่อากาศดี ไม่ได้ร้อนนรกแบบกรุงเทพฯ
- ที่จริงเขามีลิฟต์ แต่เราเคยขึ้นลิฟต์แล้ว ครั้งนี้เลยขอเดินขึ้นบันไดเป็นประสบการณ์
- ที่ตีนบันได มีแต่เด็กดอยมารุมทึ้งดึงแขน เรียก “พี่คนสวย ถ่ายรูปกับหนูมั้ยคะ พี่คนสวย”
- อืม… ใครอยากสวย ขอให้มาเที่ยวดอย แล้วคุณจะได้สวยทันใจในสามวิฯ
- เออ… อีกอย่าง ไปวัด เขาห้ามใส่ขาสั้นนะ รู้ยัง?
- และอยากพูดอีกสักร้อยรอบว่า ทัวร์จีนเยอะมาก โช้งเช้งมาก กากากากา~
- กว่าจะได้รูปยอดพระธาตุดอยสุเทพที่ถูกใจได้ ต้องนอนถ่าย กายกรรมถ่าย สารพัดท่า เพื่อหลบบรรดาทัวร์จีน วิบากกรรมยิ่งกว่าตอนไต่บันไดซะอีกค่ะ
- บ่ายๆ มันร้อน ไม่ค่อยมีอารมณ์เที่ยว เลยเข้าร้านกาแฟแถวนิมมานฯ ไปทำงาน (หอบต้นฉบับไปปั่นถึงเชียงใหม่ด้วย)
- ตอนแรกจะไปร้าน Ristr8to ที่ลือเลื่อง แต่โต๊ะเต็ม เลยต้องเดินถัดมาอีกสองสามซอย
- ได้ร้าน Dolcetto เป็นร้านเล็กๆ รสชาติงั้นๆ แต่ก็สงบดี ทำงานไปได้หลายบท
- แก้วนี้ 65 บาท แต่นางบอกอัพรูปลง IG แล้วลด 5 บาท ก็เลยอัพ
- ถึงเวลามื้อเย็นก็ไปกิน บะหมี่กังฟูแพนด้า หลัง มช
- จานนี้เป็นไซส์ M ราคาประมาณ 80 บาท ทานได้ 2 คน
- รสชาติก็ใช้ได้นะ อิ่มดีด้วย
- ที่สำคัญอร่อยกว่าบะหมี่จอมพลังที่กรุงเทพฯ
- อิ่มแล้วไปเยี่ยมชมห้างฯ ใหม่ของเครือ SF ชื่อ Maya
- ไม่ค่อยมีอะไรมาก มีร้านแบรนด์นิดหน่อย ร้านอาหารนิดหน่อย
- แต่ Starbucks กำแพงสวย
- ที่ขายตั๋วโรงหนังก็กำแพงสวยดี แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา
- วันนั้น Godzilla เข้าโรงพอดี ก็เลยไปดู Godzilla ที่ Maya ซะเลย
- สรุปกูมาเชียงใหม่เพื่อดูหนังโรง… หราาาาา…
- อ่อ ชั้นโรงหนังมี Camp (Creative and Meeting Place) ด้วย เป็นร้านกาแฟ+ไลบรารี่
- น่านั่งดี ดีไซน์เก๋ ที่นั่งเยอะมาก มีปลั๊กทุกโต๊ะ เปิด 24 hr แบบ Too Fast Too Sleep ตรงสามย่าน
- จบวันที่สอง มอ’ไซค์ยางแตกด้วย กว่าจะถึงบ้าน แทบตาย
DAY 3
- มื้อแรกก็จัดข้าวซอยอีกแล้วเจ้า วันนี้ไปลอง ข้าวซอยนิมมาน อยู่นิมมานฯ ซ.7
- ร้านนี้เป็นข้าวซอยสมัยใหม่ มีเมนูหลากหลาย เช่น ข้าวซอยไส้อั่ว ข้าวซอยหมูทอด ข้าวซอยไข่เจียว
- และก็มีเมนูอาหารเหนืออื่นๆ เราสั่งผัดยอดฟักแม้วมาหนึ่งอย่าง (จำมาจากในหนังเรื่อง Timeline แล้วมากินตาม)
- โดยรวม ชอบร้านนี้มาก อร่อยถูกใจ ดูดีมีสไตล์ ชอบมากกว่าข้าวซอยร้านวันแรกนะ
- มื้อนั้นเราควักไปทั้งสิ้น 125 บาท
- สถานที่เที่ยวประจำวันคือ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ (ที่ที่เค้าจัดพืชสวนโลก)
- ค่าเข้า 50 บาท
- ตอนเราไป แทบไม่มีนักท่องเที่ยวเลย เหมือนทั้งสวนเป็นของเรา (แหงล่ะ เล่นไปตอนกลางวันแสกๆ แดดเปรี้ยงๆ)
- ที่ที่ไปมีหอที่เป็น landmark หอนี้ ที่เราไม่รู้จักชื่อ รู้แต่ข้างในมีนิทรรศการเหรียญ something
- แต่ตอนเราเข้าไปในหอนั้น เค้าไม่เปิดไฟข้างใน มองเหรียญอะไรไม่ค่อยเห็น
- ประกอบกับทัวร์จีนมาลงพอดี เลยรีบเผ่นออกจากหอ และออกมาถ่ายรูปเล่นข้างนอกดีกว่า สะพานเก๋ดี
- เนื่องจากไม่ใช่ฤดูหนาว เลยไม่ค่อยมีดอกไม้สีสวยๆ ให้ดูมากนัก แต่เราก็ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทบ้าดอกไม้อยู่แล้ว
- ที่ที่เราฟินและมุ่งมั่นตามหาที่สุดในอุทยานฯ ก็คือกระบองเพชรเนี่ยแหละ เป็นพืชพรรณที่เหมาะแก่การถ่ายรูปคู่รูปคี่ด้วยที่สุดแล้ว
- เที่ยวสวนเสร็จ ก็ไปนั่งชมพระอาทิตย์ตกดินที่ อ่างแก้ว ใน มช ชิลดี
- อ่างแก้วเหมือนสวนสาธารณะทั่วไป มีคนมาร้องเพลง เล่นกีต้าร์ นั่งคุย ถ่าย selfie จนถึงทะเลาะกับแฟน ฯลฯ
- (โดยเฉพาะ การมานั่งดูสาวๆ กระเสือกกระสนพยายามถ่ายเซลฟี่ เป็นอะไรที่บันเทิงมาก)
- ช่วงค่ำพักนอนดูละคร “ก๊วนคานทองฯ” ตอนอวสานอยู่ที่บ้าน
- ช่อง 3 ที่นี่ไม่ชัดเลย เสียใจ
- พอละครจบก็รีบบึ่งออกมาร้าน ไก่ทอดเที่ยงคืน
- ร้านไก่ทอดเที่ยงคืนเปิดห้าทุ่มถึงตีห้า แต่ร้านเค้าดัง คนเยอะมาก เปิดปุ๊บก็มีคนมาต่อแถวละ
- มื้อนั้นเราสั่งน้ำพริกหนุ่ม ไข่ต้ม ไส้อั่ว ไก่ทอด เนื้อแดดเดียว และก็ข้าวเหนียว อิ่มเว่อร์ หารกันแล้ว จ่ายคนละ 85 บาทเอง
- ชอบร้านนี้มากๆ มาเชียงใหม่กี่ทีก็ต้องมากิน
- เราชอบไข่ต้มที่นี่มาก ชอบมากกว่าไก่ทอดเค้าอีก (อันนี้ความชอบส่วนบุคคลนะ)
DAY 4
- วันนี้ตั้งมั่นว่าต้องได้ลิ้มกาแฟ Ristr8to ให้ได้ จึงรีบไปนิมมานฯ แต่หัววัน และก็ได้กิน เย้!
- ไม่ผิดหวัง กาแฟอร่อยเว่อร์ๆๆๆๆๆ ชอบมากกกกกกก… Recommend เลย ใครไปเชียงใหม่ ต้องแวะกินกาแฟเจ้านี้ให้ได้
- ตอนอัพ IG มีแต่คนมา comment ว่าร้านนี้กาแฟอร่อย และเจ้าของร้านก็แซ่บ
- อ่าน comment ปุ๊บ เรารีบหัน 360 องศา หาเจ้าของร้านทันที
- และเจ้าของร้านก็แซ่บจริงๆ สมที่เพื่อนว่าค่ะ แต่ทว่าผู้ชายคนนั้นท่านมีลูกมีเมียแล้วนะ จบ.
- ร้านนี้ดีไซน์เก๋ด้วย แต่เป็นร้านนั่งชิล ไม่เหมาะกับเอางานมานั่งทำเท่าไหร่
- กาแฟ เราสั่งตัว signature ของร้านเค้า แก้วละ 68 บาท
- แต่รูปที่ถ่ายมา ไม่ค่อยได้โฟกัสกาแฟเท่าไหร่ (แฮ่~ วิวดีก็งี้)
- ใกล้ๆ เดินถัดไปไม่กี่ซอย ก็ไปกินซีซาร์สลัดที่ร้าน The Salad Concept
- อันนี้ก็ชอบมากเหมือนกัน มีเมนูหลากหลายให้เลือก ผักเวรี่สด เวรี่อร่อย ชอบๆๆ
- ตอนแรกเห็นในเมนู ชามละ 105 บาท ยังคิดเลยว่าจะอิ่มมั้ยนะ
- ปรากฏตอนเค้าเอามาเสิร์ฟ โอ้โห ยิ่งใหญ่ยังกับฉากเปิดตัว Godzilla อลังการ ใหญ่ อิ่ม อร่อย แนะนำ!
- ไฮไลท์ประจำวันคือ ม่อนแจ่ม
- ขี่มอ’ไซค์ขึ้นดอยไปไกลมากกก แต่อากาศโคตรดี ตอนแว๊นซ์ขึ้นเขา หนาวจนปากสั่นและหูอื้อเลย
- แต่บนดอยมันก็ไม่ได้หนาวมากนะ อากาศดี ดียิ่งกว่าเปิดแอร์ฯ
- แต่ที่มันหนาวมากๆ เราก็หนาวแค่ตอนมอไซค์มันวิ่งนั่นแหละ
- ถ้ามาช่วงฤดูหนาว ดอกไม้น่าจะบานสวยหลากสีสันมาก
- แต่เราไปช่วงหน้าร้อน ได้แค่ไร่กะหล่ำเขียวๆ นี่ก็ฟินแล้ว
แถมรูปหมาม่อนแจ่ม
- ตกกลางคืนก็ไปช้อปปิ้ง ณ ถนนคนเดินวัวลาย ได้ของฝากจุกๆ จิกๆ มานิดหน่อย
- ไม่ได้อะไรมาก ไปซึมซับบรรยากาศ เลยไม่ได้ถ่ายรูปลง
(เราใช้แต่กล้อง iPhone 4s ซึ่งกลางคืน มันถ่ายไม่สวย เลยไม่ค่อยถ่ายมืดๆ)
DAY 5
- มาเชียงใหม่ก็ต้องกินอาหารเหนือแบบจริงจังสักมื้อ (นอกเหนือจากข้าวซอย)
- รุ่นน้องเราซึ่งเรียนอยู่ มช เขาแนะนำร้าน “ต๋องเต็มโต๊ะ” ในซอยนิมมานฯ เราก็เลยลองมาชิมดู
- ร้านคนเยอะดี และก็อร่อยจริงอิงอร ชอบเลยแหละ
- ราคาสมเหตุสมผล มื้อนั้นควักคนละ 180 บาท
- แต่เสียดายอย่างนึง ตอนที่เราไป ไม่มีแกงฮังเล (ที่คล้ายมัสมั่น) เสียใจมาก
- คือเราเคยกินแกงฮังเลในงานชมรมล้านนาที่จุฬาฯ แล้วติดใจ นี่อุตส่าห์อยากมากินแบบออริจินัล อดซะงั้น
- สรุปก็เลยได้กินสามเมนู มีชุดออเดิร์ฟตามที่เห็นในรูป และก็ปลาอินทรีทอด แล้วก็แกงโฮะ (เราแอบทานไม่หมดด้วย อิ่มเว่อร์)
- ได้ฟินอาหารเหนือแล้ว ก็ไปนั่งทำงานต่อที่ร้านกาแฟชื่อ Librarista ในนิมมานฯ เนี่ยแหละ
- ถ้าได้นั่งโซนที่ตกแต่งเหมือนห้องสมุด จะถ่ายรูปสวยกว่านี้ เผอิญตอนเราไป ที่นั่งโซนสวยๆ นั้นมันเต็ม เลยนั่งอยู่โซนธรรมดา
- เค้กกับกาแฟร้านนี้ เราเฉยๆ แต่บรรยากาศนั่งทำงานถือว่าดี และมี wi-fi ฟรีให้
- ตกเย็นฝนตก เลยต้องกินมื้อเย็นในห้างฯ Maya และดูหนัง (อีกแล้ว!)
- วันนี้ดูเรื่อง Enemy
- รูปด้านล่างไม่มีอะไรมาก แค่อยากอวดเสื้อ Mary is happy และไอติม Shibuya ซึ่งกรุงเทพฯ ก็มี
- และรูปนี้ เราถ่ายกับ ประตูท่าแพ ให้เพื่อนไปยืนอีกฟากของถนนและถ่ายให้
- ไม่มีอะไรอีกนั่นแหละ กำแพงมันได้ฟีลดี
DAY 6
- ถ้าไม่ได้ไปดอยอินทนนท์จะรู้สึกเหมือนมาไม่ถึงเชียงใหม่ มากี่ทีก็ต้องขึ้นไปทุกที
- ก่อนกลับ เลยยอมแหกขี้ตาตื่นแต่เช้ามืด ขี่มอไซค์ไปไกลโพ้นเพื่อขึ้น ดอยอินทนนท์
- (แอบตกมอเตอร์ไซค์ด้วย ก้นจ้ำเบ้า โชคดีไม่มีรถขับตามมาเหยียบตาย)
- ระหว่างทาง แวะกินโจ๊กสมเพชร เจ้าดัง เขาเปิด 24 hr (ไม่รู้เอาเวลาไหนล้างหม้อ)
- ไม่ได้ถ่ายรูปโจ๊กมา เพราะง่วง ไม่มีอารมณ์ถ่าย
- แต่อร่อยนะ ชอบมากกว่าอีโจ๊กเจ้าแรกที่กินวันแรกๆ
- เนื่องจากไม่ใช่ฤดูหนาว และไปถึงตอนสายๆ อากาศจึงไม่หนาวมาก
- แต่ก็ถือว่าหนาวอยู่ดี เพราะเราค่อนข้างขี้หนาว
- (สองปีก่อน เราไปเช้ามืดช่วงหน้าหนาว อุณหภูมิติดลบ หมอกโขมง หนาวได้ใจมาก)
- ค่าเข้าดอยอินทนนท์ 40 บาท
- และค่าเข้าพระมหาธาตุนภเมทนีดลฯ อีก 40 บาท
- โชคดีไปช่วงฟ้าเปิด ถ่ายรูปออกมาได้โคตรสวย เหมือนได้เดินอยู่บนปุยเมฆ เวรี่ฟิน~
- จบทริปเชียงใหม่ ในวันเดียวกัน รีบซิ่งจากดอยอินทนนท์ไปสนามบิน
- ไฟล์ทกลับกทม. คือ 13.35 น.
- ว่าจะแวะกินกาแฟ Ristr8to ที่นิมมานฯ อีกสักครั้งก่อนกลับ แต่ไม่ทัน ฮือออ อด (เกือบเป็นมนุษย์ป้าตกเครื่องอีกต่างหาก)
- ถึงกทม. ประมาณบ่ายสาม เพื่อนตัวดีก็ลากไปกิน สเต๊กสามย่าน เลยค่าาาา
- ไปเที่ยวมา 6 วัน ก็ถึงเวลากลับสู่ชีวิตปกติ ช้อปปิ้งทันที…
- สวัสดี เมืองดัดจริต ชีวิตต้องป๊อป…
- ไว้มีโอกาส จะไปเชียงใหม่อีก
จองโรงแรมผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นได้ที่ www.hotelscombined.co.th
42 comments